ขอบคุณลูกค้า Behringer PMP-2000D ครับ
ขอบคุณลูกค้า PreSonus Eris E3.5 Powered Studio Monitors ครับProfessional Audio
Professional Audio คืออุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลำโพง (Speaker), พาวเวอร์แอมป์ หรือ มิกเซอร์ อุปกรณ์ต่างๆจะมีระบบการทำงานที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเป็นการรับเสียงจากเครื่องดนตรีหรือแหล่งกำเนิดเสียง และมีการแปลงคลื่นเสียงมาในระบบอนาล็อคหรือดิจิตอลตามแต่ตัวแปลง นอกจากนี้เรายังสามารถแต่งเสียงเพลงก่อนที่จะออกมาสู่เครื่องขยายเสียงได้ด้วยกลุ่มเอฟเฟคต่างๆ รวมถึงการปรับแต่ง EQ (Equalizer) และเสียงที่แปลงมาแล้วก็จะออกสู่ Speaker หรือลำโพง การทำงานทั้งหมดนี้เราเรียกว่า องค์ประกอบระบบเสียง (Audio system) ผู้ใช้งานอาจมีการเปลี่ยนแปลงระบบเสียงนี้ตามความต้องการ หรืออาจใช้อุปกรณ์เพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น
PA System
PA System คือชุดรวมอุปกรณ์เครื่องเสียงที่สามารถใช้งานได้ทันที โดยในชุดจะประกอบด้วย มืกเซอร์หรือพาวเวอร์แอมป์ รวมทั้งมีลำโพงมาในชุดพร้อมสรรพที่จะเปิดในงานปาร์ตี้ ปัจจุบัน PA System ถือว่ามีราคาที่ไม่แพงมาก เช่น Yamaha StagePas 400BT ชุดเครื่องเสียงคุณภาพแบรนด์ดังระดับโลกขนาด 400 วัตต์ โดยจะมี 8 แชนแนลให้ใช้งาน สามารถต่อพ่วงจอภาพเพิ่มได้ กับราคาเบาๆ หรือจะเป็น Yamaha stage PAS 600i ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมา มิกเซอร์และตัวลำโพง 2 ตัว คุณภาพเสียงเป็นแบบ SPX พร้อมด้วยเอฟเฟครีเวิร์ปแบบดิจิตอล ให้ซาวด์ระดับมืออาชีพในงานปาร์ตี้ ใครที่ชอบเรื่องเครื่องเสียงและต้องการชุดสำเร็จรูป PA System คือคำตอบที่โดนใจคุณ
Mixer
Mixer คือเครื่องผสมสัญญาณเสียง มีทั้งแบบดิจิตอลและอนาล็อค โดยจะนำสัญญาณเสียงเข้าทาง Input และผสมสัญญาณเสียงต่างๆเช่น บาลานซ์เสียงไมโครโฟนให้ดังมากขึ้น หรือปรับเสียงกีต้าร์และเครื่องดนตรีอื่นๆตามความเหมาะสมและความชอบ ก่อนที่จะส่งสัญญาณเสียงที่มีการแก้ไขแล้วออกทางช่อง Output การใช้งาน Mixer จึงต้องเลือกช่อง Input และ Output ให้เพียงพอต่อความต้องการ เช่น Yamaha MG12XU ที่เป็นมิกเซอร์ขนาด 12 ช่อง โดยจะต่อไมโครโฟนได้สูงสุดถึง 6 ไมค์ หรือถ้าใครใช้งานที่มีขนาดใหญ่มากขึ้นก็ต้องเลือกใช้ Yamaha MG16XU มิกเซอร์ขนาด 16 ช่อง และยังสามารถทำงานร่วมกับ iPad2 ขึ้นไปในระบบ iOS มิกเซอร์ในปัจจุบันจึงมีความสะดวกสบายและทันสมัยง่ายต่อการใช้งานเป็นอย่างมาก
Speaker
Speaker คืออุปกรณ์สุดท้ายในระบบ Professional Audio เป็นตัวที่ให้เสียงต่างๆ หรือที่เราเรียกกันว่าลำโพง Speaker จะแบ่งเป็น 2 แบบ คือ Active และ Passive ตัว Active นั้นจะมีพาวเวอร์แอมป์ในตัว สามารถต่อเข้ากับเครื่องเสียงได้ทันที แต่หากเป็นแบบ Passive ต้องมีตัวขยายสัญญาณสียงอีกต่อหนึ่ง ลำโพงแบบ Active จึงมีราคาที่สูงกว่า เช่น Yamaha DXR15 ลำโพงพร้อมแอมป์ในตัว ขนาด 15 นิ้ว กำลังขับ 700 วัตต์ แต่หากใครที่มีตัวแอมป์แปลงสัญญาณแล้วก็อาจลดค่าใช้จ่ายมาเล่น Passive Speaker เช่น Yamaha A10 ลำโพงแบบ 2 ทิศทาง ขนาด 10 นิ้วแทน เพราะราคาย่อมเยากว่า ดังนั้นผู้ซื้อควรศึกษาการใช้งานว่าต้องการลำโพงแบบไหนอย่างละเอียดก่อนเลือกซื้อ
Power Amplifier
Power Amplifier คือ ตัวขยายสัญญาณ หรือ วงจรขยายสัญญาณหรือเรียกสั้นๆว่า Amp เป็นอุปกรณ์หรือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยเพิ่มขนาดหรือกำลังของสัญญาณ โดยการใช้พลังงานจากแหล่งจ่ายไฟและการควบคุมสัญญาณเอาต์พุทให้มีรูปร่างเหมือนสัญญาณอินพุทแต่มีขนาดใหญ่กว่า Power Amplifier ปัจจุบันมีราคาที่ประหยัดลงมากและมีฟังก์ชั่นที่หลากหลาย เช่น Yamaha PX3 สามารถตั้งค่าลำโพงได้ตามใจชอบ ด้วยฟังก์ชั่น DSP และ การประมวลผลแบบ D-contour หรือรุ่น Yamaha P7000S การเชื่อมต่อสามารถทำได้ทั้งแบบ XLR และ TRS ให้เสียงในระบบ Mono และสเตอริโอ และ Yamaha P2500S สองแชนแนล ใช้งานได้คุ้มค่าหลากหลาย ผู้เลือกซื้อ Power Amplifier จึงมีทางเลือกมากขึ้นกับการหาชุดเครื่องเสียงดีๆในปัจจุบัน
hello