ไม้ลามิเนต ไม้โซลิดคืออะไร สำคัญแค่ไหนในการเลือกซื้อกีต้าร์?

สำหรับคนที่เล่นกีต้าร์โปร่ง หรือคนทีกำลังเลือกซื้อกีต้าร์โปร่งดีๆซักตัว น่าจะเคยได้ยินว่าให้เลือกกีต้าร์ที่เป็น Top Solid บางคนก็อาจจะเข้าใจความหมาย แต่มีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้เกี่ยวกับความหมายของคำว่า Top Solid จริงๆแล้ว คำว่า Solid คือไม้แท้แบบที่เป็นแผ่นเดียวทั้งชิ้น พูดง่ายๆคือไม่มีการซ้อนกันของไม้หลายๆชั้น ส่วนคำว่า Top นั้นหมายถึงไม่หน้า ซึ่งก็คือด้านหน้ากีต้าร์ส่วนที่มีซาวด์โฮลด์นั่นเอง สาเหตุที่ควรจะเลือก Solid จากไม้หน้าก่อนนั้น เป็นเพราะว่าไม้ส่วนนี้จะมีผลต่อเสียงกีต้าร์มากที่สุดในบรรดาบอดี้ทั้งหมด เช่น บอดี้ไม้สปรู๊ซ ด้านข้างและหลังไม้มะฮอกกานี เสียงของไม้สปรู๊ซจะโดดเด่นกว่าเสียงไม้มะฮอกกานีพอสมควร
ส่วน Laminate คือ ไม้อัด แต่ไม้อัดในที่นี้ไม่ใช่ไม้อัดที่มาทำแผ่นฝ้าแผ่นประตูทั้งหลาย มันคือไม้หลายๆแผ่นมาอัดรวมกัน เช่น Laminate Spruce ก็จะเป็นไม้สปรู๊ซหลายๆแผ่นมาซ้อนทับกันให้มีความหนาพอที่จะทำบอดี้กีต้าร์ได้ หรือในบางกรณีก็จะเป็นไม้แผ่นสั้น ต้องเอามาต่อกัน 2 แผ่นถึงได้ความกว้างบอดี้กีต้าร์ ตรงตามความหมายของคำว่า Laminate แปลว่า การซ้อน แปะ ประกบทับกัน ขอดี้ของไม้ลามิเนทคือจะมีความทนทานสูง เพราะการนำไม้มาซ้อนกันถึง 2-3 แผ่น ย่อมมีความทนทานมากกว่าไม้แท้ๆแผ่นเดียว

ทีนี้มาถึงเรื่องเสียงที่หลายคนอยากรู้ว่าเจ้า Top Solid มีดียังไง ทำให้จะซื้อกีต้าร์ทั้งทีคนเชียร์ให้เอาไม้ Top Solid จัง การเล่นกีต้าร์นั้นจะเป็นการดีดสายให้ความสั่นไปถึงเนื้อไม้ เมื่อเนื้อไม้มีการสั่นตัว เสียงของไม้ชนิดนั้นก็จะออกมาผสมกับเสียงของสาย ซึ่งไม้ Solid จะมีการสั่นตัวที่ดีกว่าไม้ Laminate ให้ลองนึกภาพแผ่นลังกระดาษ 1 แผ่น กับแผ่นลังกระดาษ 3 ผ่นซ้อนกัน แผ่นเดียวย่อมมีความพริ้วไหวต่อแรงสั่นได้มากกว่า ไม้ Solid จึง”มีการตอบสนองต่อเสียง”ได้ดีกว่าไม้ Laminate โทนเสียงจะนุ่มนวลกว่า อย่างเช่น Yamaha FG800 ที่ได้ไม้หน้า Top Solid สปรู๊ซ เสียงนุ่มอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้แล้วไม้ Solid จะมีความพิเศษที่หลายๆคนเคยได้ยินเรื่อง”ไม้แห้งแล้วเสียงจะเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลกว่าเก่า” ต้องเกริ่นก่อนว่า การตัดไม้มาทำกีต้าร์นั้น ในตัวไม้จะมีความชื้นอยู่จากการที่ต้นไม้ผ่านลมฝนมา แม้ว่าจะเอามาตากแดดก่อนทำกีต้าร์แต่การไล่ความชิ้นออกจากเนื้อไม้นั้นไม่หมดไปอย่างแน่นอน ทำให้การตัดไม้ทั้งชิ้น (Solid) มาทำกีต้าร์ในช่วงแรกจะได้ไม้ที่มีความชื้นในตัวเล็กน้อย ทีนี้ก็ต้องใช้เวลาตามธรรมชาติให้ไม้ลดความชื้นออกไป การที่ไม้มีความชื้นน้อยลงจะรับเสียงได้ดีมากขึ้น ตรงนี้ขอย้อนไปถึงตัวอย่างแผ่นลังกระดาษ ถ้าเป็นแผ่นกระดาษที่แห้งสนิทจะพริ้วไหวได้ดีกว่าแผ่นที่ชื้น น่าจะนึกภาพออกกันว่าการตอบสนองเสียงของไม้แห้งดีขึ้นเพียงใด

ทีนี้หลายคนอาจมีคำถามว่า อ้าว แล้วไม้ Laminate นั้นทิ้งไว้นานๆความชื้นไม่ลด เสียงไม่ดีขึ้นเหรอ คำตอบคือ “มีโอกาสแต่น้อย” หนึ่งคือการที่ไม้ซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ โอกาสที่ไม้จะแห้งย่อมน้อยกว่าไม้แบบชิ้นเดียว เหมือนเราวางเสื้อผ้าหรือกระดาษทับกันมันก็จะแห้งช้า สองคือต่อให้ไม้แผ่นบนแห้งแล้ว ก็จะมี”รอยต่อ”ระหว่างเนื้อไม้ ทำให้เสียงไม่กลมกลืนกันอยู่ดี ยิ่งนานไปเสียงจะมีความกระด้างกว่า Solid อย่างชัดเจน ทั้งที่ตอนซื้อแรกๆจะไม่เห็นความแตกต่างของเสียงมากนัก ปัจจุบันก็มีกีต้าร์หลายแบรนด์ที่นำเอากรรมวิธี”อบไม้”ให้แห้ง แต่โดยรวมแล้วคนก็ยังยกให้ไม้แท้มีเสียงที่เหนือกว่าอยู่ดี
อย่างไรก็ตามการที่กีต้าร์ตัวนึงจะมีเสียงดีมากน้อยนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับไม้หน้าแท้อย่างเดียวเท่านั้น ยังมีองค์ประกอบอื่นๆอีกมากเช่นเรื่องของงานประกอบ ที่คนต่างเชื่อใจแบรนด์ดังๆมากกว่าเพราะงานประกอบพิถีพิถัน หรือวิธีการวางโครงภายในกีต้าร์ (bracing) รวมไปถึงวัสดุอื่นๆของกีต้าร์ก็มีผลต่อเสียงแทบทั้งสิ้น การเลือกไม้หน้า Solid นั้นเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของเสียงเท่านั้น และยังต้องรอหลายปีอีกด้วยกว่าจะเห็นผล อย่างน้อยก็ต้อง 5 ปีขึ้น ทำให้บางคนก็อาจมองข้ามเรื่องไม้แท้ไป เพราะ Laminate นั้นจะมีราคาที่ย่อมเยากว่า ถ้าลองกีต้าร์หลายๆตัวจะพบกว่า กีต้าร์ Laminate บางตัวนั้นก็มีเสียงที่ดีกว่า Solid ด้วยซ้ำ แต่หายากพอสมควร

วิธีการดูกีต้าร์ Top Solid เบื้องต้นนั้น ให้ดูตรงโพรงกลางบอดี้หรือซาวด์โฮล ไม้ที่เป็น Solid แผ่นเดียวจะไม่มีชั้นไม้ แต่หากเป็น Laminate จะเห็นว่าไม้มีการซ้อนทับกัน ตรงนี้เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆสำหรับมือใหม่ในการเลือกซื้อกีต้าร์ให้แน่ใจว่าได้ไม้ Top Solid จริงๆ แต่อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่าทางที่ดีควรจะลองเสียงดูว่าเพราะกว่าหรือไม่ เพราะต่อให้เป็นไม้ Solid แต่ถ้างานประกอบไม่ดี บางตัวก็สู้ Laminate ก็ยังมี อย่างเช่นกีต้าร์โปร่งยอดฮิตอย่าง Yamaha F310 ที่เป็น Laminate แต่ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนขึ้นชาร์ตยอดขายเบอร์ต้นๆของทาง Yamaha มาแล้ว แสดงให้เห็นว่าแม้เป็น Laminate ก็มีดีในตัวเหมือนกัน
ข้อดีกีต้าร์ Top Solid
– การตอบสนองของไม้ต่อเสียงทำได้ดีกว่า ซาวด์ออกชัดทุกย่าน ทุ้ม กลาง แหลม
– มีการพัฒนาเรื่องเสียงได้ดีกว่า Laminate ยิ่งนานไปเสียงยิ่งดีกว่าเดิม
– ถือออกงานสบาย
ข้อเสียกีต้าร์ Top Solid
– ส่วนมากจะมีราคาที่สูงกว่าแบบ Laminate
– ต้องดูแลกันหน่อย เพราะไม้แผ่นเดียวมีการเปลี่ยนแปลงต่อความชื้นและอุณหภูมิได้มากกว่า ควรเก็บในห้องอุณหภูมิไม่ร้อนหรือชื้นเกินไป
ข้อดีกีต้าร์ Laminate
– ราคาย่อมเยา เหมาะกับคนที่ชอบเปลี่ยนกีต้าร์บ่อยๆ
– ดูแลรักษาง่ายกว่า ไม้ไม่ค่อยเปลี่ยนสภาพตามอากาศมากนัก
ข้อเสียกีต้าร์ Laminate
– เรื่องเสียง ส่วนใหญ่จะสู้ Solid ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่แบรนด์ดีจริงๆ
– โอกาสที่เสียงจะพัฒนามีน้อยมาก เรียกว่าซื้อมาวันแรกเสียงเป็นยังไง อีก 3 ปีก็เสียงแบบเดิม
สรุป
การจะซื้อกีต้าร์นั้นสิ่งสำคัญกว่าเนื้อไม้คือความชอบ หรืองบประมาณที่มี บางคนอาจไปเจอกีต้าร์ Lamite ที่เสียง”โดนใจ”กว่าก็ได้ การที่ซาวด์ออกมาแข็งกระด้างไม่ใช่ว่าจะไม่มีคนชอบ บางคนเอาไปเล่นชิลล์ๆการใช้กีต้าร์ Laminate ก็ไม่ได้มีข้อเสียอะไร หรือบางคนอาจต้องการกีต้าร์ Top Solid ไว้ออกงาน ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อกีต้าร์ซักตัว อยากให้มาลองจับลองดีดฟังเสียงกันจริงๆจะดีกว่า และทางร้าน Musicarms มีกีต้าร์ทั้งสองแบบให้เพื่อนๆเข้ามาลองกันได้ บางทีกีต้าร์ที่คุณตามหาอาจวางอยู่ร้านเราก็เป็นได้ จะ Solid หรือ Laminate แบบไหนดีกว่ากันวัดกันด้วยตัวคุณเองไปเลยที่ร้าน Musicarms
ตัวอย่างกีต้าร์ Laminate และ Top Solid






Yamaha F310
กีต้าร์โปร่งคุณภาพ
Yamaha F310 ราคาปัจจุบัน
Yamaha F310 ดีไหม
Yamaha F310 กี่นิ้ว
Yamaha F310 ใช้สายเบอร์อะไร
กีต้าร์ Yamaha F310 ปลอมดูยังไง
