Author Archives: ZunWu
Kazuki PSF41C
ขายเพียง  2,690฿ จาก  3,850฿Kazuki KGB39
ขายเพียง  1,990฿ จาก  2,850฿Epiphone ES-335 Hard Case เคสกีตาร์ไฟฟ้า
ขายเพียง  4,320฿ จาก  4,800฿Shure MVL/A
ขายเพียง  2,990฿ จาก  4,000฿10 วง J-Rock ที่ต้องลองฟังซักครั้ง

X-Japan
วงร็อคญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของประเทศญี่ปุ่น ประกอบด้วยสมาชิกแรกเริ่ม 5 คนคือ โยชิกิ (กลอง,เปียโน), โทชิ (ร้องนำ), ฮิเดะ (กีต้าร์) พาตะ (กีต้าร์) และ ไทจิ (เบส) มาในแนวเพลงหนักแบบเมทัลและเพลงช้าแบบบัลลาด ก่อนจะเปลี่ยนมือเบสเป็น ฮีท ในอัลบั้มที่ 3, ชื่อเดิมของวงคือ X ความตั้งใจของโยชิกิคือจะสร้างวงร็อคซึ่งตีตลาดไปทั่วโลก แต่ขณะนั้นในอเมริกามีวงชื่อ X อยู่แล้วจึงใช้คำว่า Japan ต่อท้าย ออกผลงานเพลงมาตั้งแต่ปี 1988 มีเพลงโด่งดังหลายเพลงเช่น Endless Rain (เอนด์เลส เรน), Tears และ Say Anything วง X-Japan สร้างชื่อเสียงจนได้เล่นคอนเสิร์ตที่โตเกียวโดมถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศขณะนั้น จนมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เมื่อแฟนเพลงได้รับข่าวร้ายว่าฮิเดะมือกีต้าร์เสียชีวิต ทำให้วงนี้ต้องยุติบทบาททางดนตรีเหลือไว้เพียงแค่ตำนานเล่าขานมาจนถึงปัจจุบัน

Glay (เกลย์)
วงบัลลาดร็อคที่มือชื่อเสียงโด่งดังในประเทศค่อนข้างมาก ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ เทรุ (ร้องนำ), ทาคุโร่ (กีต้าร์, เปียโน), ฮิซาชิ (กีต้าร์) และ จิโร่ (เบส) รวมตัวกันเล่นตามผับและไลฟ์เฮ้าส์จนได้มีโอกาสทำเพลงกับค่าย Platinum Record (แพลตตินั่ม เร็คคอร์ด) โดยมีโยชิกิมือกลองวง X-Japan เป็นโปรดิวเซอร์ให้ มีอัลบั้มแรก Rain เมื่อปี 1994 มีผลงานมาแล้วทั้งหมด 39 ชุด มีเพลงฮิตมากมายเช่น I’m in love, Soul Love และ Winter Again อัลบั้มรวมเพลง Best of Glay ของพวกเขาทำยอดขายได้ถึง 4.8 ล้านแผ่น เป็นอันดับ 3 ของอัลบั้มของศิลปินที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น โด่งดังถึงขนาดเปิดคอนเสิร์ตกลางแจ้งชื่อว่า Glay Expo ที่เมืองมาฮาคุริ โดยครั้งนั้นมีผู้ชมมากเป็นประวัติการณ์ถึง 2 แสนคนและได้รับการบันทึกลงกินเนสบุ๊คว่าเป็นคอนเสิร์ตกลางแจ้งที่มีผู้ชมมากสุดในโลก

L’arc en Ciel (ลาร์ค ออง เซียล)
วงที่โด่งดังอย่างมากในเมืองไทยช่วงยุค 90′ ลุคของนักร้องนำอย่างไฮด์นั้นเท่บาดใจสาวๆอย่างแรง รวมไปถึงสไตล์การแต่งตัวคนอื่นๆทั้ง เท็ตสึ (เบส), เคน (กีต้าร์) และ ยูกิฮิโระ (กลอง) เป็นจุดกำเนิดแฟชั่น J-Rock ให้วัยรุ่นเมืองไทยแต่งตามกันพอสมควร วงนี้มีจุดเด่นเรื่องการเดินเบสและเนวเพลงซึ่งทันสมัย ทำให้วง L’arc en Ciel เข้าไปครองใจสาวกเมืองไทยได้อย่างรวดเร็ว ส่งเพลงดังมาตีตลาด J-Rock ชุดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นเพลงเร็วอย่าง Stay Away หรือเพลงช้าอย่าง Pieces (พีซเซส) รวมถึงเพลงประกอบการ์ตูนชื่อดัง GTO คุณครูพันธุ์หายากอย่างเพลง Driver’s High (ไดร์เวอร์ส ไฮ)ทำยอดขายเกินหนึ่งล้านแผ่นในหลายๆชุด ขึ้นอันดับ 1 ในโอริกอนชาร์ตและรับรางวัลอีกมากมาย เมื่อปี 2006 จัดคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 15 ปีของวง จำหน่ายบัตร 1 แสนที่นั่งหมดภายใน 2 นาทีเป็นสถิติของวงร็อคญี่ปุ่นที่ยากจะหาใครทำลาย

Luna Sea (ลูนาซี่)
โด่งดังเป็นพลุแตกกับเพลง I for You เพลงประกอบซีรี่ย์เรื่อง อยู่เพื่อรัก ที่ได้พระเอกนางเอกแห่งยุคอย่าง ทาเคชิ คาเนชิโร่ และ เคียวโกะ ฟุคุดะ แสดงนำ ณ เวลานั้นวัยรุ่นไทยหาผลงานของวง Luna Sea มาฟังกันยกใหญ่ ซึ่งก็ไม่ผิดหวังเพราะฝีมือของ ริวอิจิ (ร้องนำ), สึกิโซะ (กีต้าร์, ไวโอลิน), อิโนะรัน (กีต้าร์), เจ (เบส) และชินยะ (กลอง) ต่างไม่ธรรมดากันเลย วงเริ่มจากการแสดงในไลฟ์เฮ้าส์รวมถึงเล่นสดตามถนนซึ่งมีคนดูแค่ 100 คน ยอดขายตอนทำเพลงกันเองแค่ 800 แผ่น แต่พวกเขาไม่เคยย่อท้อ จนได้เซ็นสัญญาทำเพลง ปัจจุบันมีผลงานมาแล้ว 7 ชุด ทำยอดขายแต่ละอัลบั้มได้มากกว่า 7 แสนแผ่น ขึ้นอันดับ 1 โอริกอนชาร์ตในหลายๆเพลง และได้ทำเพลงประกอบภาพยนตร์ดังๆเช่นเพลง Breathe (บรีท) จากเรื่องมู่หลาน และเพลง Gravity ที่ประกอบภาพยนตร์เรื่อง Another Heaven

Lucifer (ลูซิเฟอร์)
วงนี้เปิดตัวในไทยครั้งแรกก็ได้รับเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับสาวๆอย่างล้นหลาม เพราะหน้าตาของนักร้องนำอย่าง มาโกโตะ นั้นเป็นที่ถูกอกถูกใจจนติดอันดับผู้ชายหน้าตาดีทุกโพลเมื่อช่วงยุค 90′ แต่วงนี้ไม่ได้มีจุดขายแค่หน้าตาอย่างเดียว เพราะฝีมือของ ยูกิ (กีต้าร์), อัตสึโระ (กีต้าร์), โทวะ (เบส) และ ซันตะ (กลอง) ต่างเป็นที่ยอมรับทั้งในญี่ปุ่นและเมืองไทย จุดกำเนิดของวงมาจากการ์ตูนเรื่อง จังหวะร็อค ดนตรีรัก (ทุกคนในวงใช้ชื่อตามการ์ตูนหมด ยกเว้นมาโกโตะ) เปิดตัวเมื่อปี 2002 ด้วยซิงเกิ้ล Datenshi Blue (ดาเทนชิ บลู)ใช้ประกอบอนิเมชั่นเรื่องนี้ มีกลิ่นอายของวิช่วลร็อคเต็มเปี่ยม ตามด้วยเพลง Plasmagic (พลาสเมจิค) ที่เล่นตามอนิเมชั่นในเรื่อง นอกจากนี้ยังมีเพลง Realize ที่ซาวด์ดนตรียังคงเปี่ยมความเป็น J-Rock ขนานแท้ แต่หลังจากอนิเมชั่นจบลงในปี 2003 Lucifer ก็ยุบวงไป ส่วนมาโกโตะไปเป็นศิลปินเดี่ยว

One Ok Rock (วัน โอเค ร็อค)
วงดนตรีมากความสามารถกับ 5 สมาชิกยุคแรกเริ่ม ทะกะ (ร้องนำ), โทรุ (กีต้าร์), อเล็กซ์ (กีต้าร์), เรียวตะ (เบส) และ ยู (กลอง) ชื่อวงนั้นแปลงมาจากคำว่า one o’clock หนึ่งนาฬิกา ซึ่งเป็นเวลาที่พวกเขาซ้อมดนตรีในวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่พวกเขาเลือกเล่นเวลาตีหนึ่งก็เพราะว่าเวลานั้นค่าห้องซ้อมราคาถูก, One Ok Rock เดบิวต์ในปี 2007 ด้วยซิงเกิลชื่อว่า “Naishi Shinso” (นาอิชิ ชินโซ) และสามารถเข้าถึงอันดับที่ 48 ในออริกอนชาร์ตด้วยยอดขาย 15,000 แผ่น และสุดท้ายพวกเขาได้ทำอัลบั้มเต็มชุดแรกเมื่อปี 2007 แต่หลังจากปี 2009 ก็เหลือสมาชิกแค่ 4 คน เนื่องจากอเล็กซ์ถูกจับข้อหาจับขานักเรียนหญิงอายุ 21 ปีบนรถไฟ ปัจจุบันพวกเขาออกอัลบั้มมาทั้งหมด 7 ชุด มีเพลงดังมากมายไม่ว่าจะเป็นเพลง Clock Strikes หรือเพลง The Beginning ที่นำไปประกอบภาพยนตร์ และเพลง Nothing Helps ซึ่งนำไปประกอบเกมดัง Devil May Cry (เดวิล เมย์ คราย)

Gazette (กาเซ็ท)
วงร็อคที่ล้มลุกคลุกคลานกันมายาวนานกว่าจะมีผลงานของตนเอง ถึงขั้นอับจนกันจนถึงไม่มีเงินจ่ายค่าเข้าห้องอาบน้ำเพื่ออาบน้ำ มีสมาชิก 5 คน โดยใช้ชื่อวงตอนแรกว่า มาติน่า ออกผลงานตั้งแต่่ปี 2002 แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าไหร่นัก จนโชคชะตาพลิกผันเมื่อทางค่าย Ps company สนใจให้เซ็นสัญญาเนื่องจากเห็นความพยายาม และเปลี่ยนชื่อวงเป็น Gazetto (กาเซ็ทโตะ) ออกอัลบั้มแรกในปี 2004 ชื่อชุด Disorder (ดิสออร์เดอร์) ส่งผลงานขึ้นโอริกอนชาร์ตถึงอันดับ 3 โด่งดีงไปทั่วประเทศทันทีถึงขั้นมีไลฟ์สดที่ชิบุย่า ในปี 2006 พวกเขาเปลี่ยนชื่อวงอีกครั้งเป็น Gazette (กาเซ็ท) และย้ายค่ายไปคิง เร็คคอร์ด ออกอัลบั้มมาอีก 2 ชุด ก่อนจะย้ายมาอยู่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง โซนี่ มิวสิค ตั้งแต่ปี 2011 กลายเป็นวงร็อคแถวหน้าของญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีเพลงดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Dogma, Filth in the Beauty (ฟิลธ์ อิน เดอะ บิวตี้)และ The Invisible Wall

Dir en grey (เดล ออง เกรย์)
วงที่ได้โปรดิวเซอร์มือดีอย่าง โยชิกิ X-Japan มาช่วยในซิงเกิ้ลแรกๆเนื่องจากเห็นความสามารถของตัว 5 หนุ่ม เคียว (ร้องนำ), คาโอรุ (กีต้าร์), ดาย (กีต้าร์), โทชิยะ (เบส) และ ชินยะ (กลอง) คำว่า Dir en grey นั้นเกิดมาจากการรวมกันของของภาษาสามภาษาคือ สเปน ฝรั่งเศส และอังกฤษ แปลว่า เหรียญสีเทา การที่มีข่าวว่า โยชิกิ เป็นโปรดิวเซอร์ให้ทำให้พวกเขาได้รับการจับตามองทันที ซึ่งก็ไม่ทำให้ผู้ฟังผิดหวังเพราะงานอัลบั้มแรก Gauze (ก๊อซ) ที่ออกมาในปี 1999 ทะยานขึ้นอันดับ 10 โอริกอนชาร์ตอย่ารวดเร็ว, 15 ปีในวงการเพลง พวกเขาสร้างเพลงฮิตมากมายเช่นเพลง Obscure (อ็อบสคิล) ,Lotus และ Unraveling (อันราเวลลิ่ง) พวกเขาได้รับการยอมรับว่าเป็นวงร็อคแถวหน้าและออกอัลบั้มทั้งหมดมา 9 ชุดจนถึงปี 2014

Girugamesh (กิรุกาเมจ)
วงวิช่วลร็อคที่เริ่มจาก ปี 2003 โดย ชู (เบส) และนี่ (กีต้าร์) เป็นเพื่อนกันในสมัยเรียนชั้นประถมศึกษา มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้งช่วงเรียนมัธยมปลาย มีความคิดรวมตัวตั้งวงดนตรี จึงชักชวน ซาโตชิ (ร้องนำ) และ เรียว (กลอง) เข้าร่วมวงโดยเซ็นสัญญากับค่าย Gaina-Japan แจ้งเกิดได้ทันทีกับซิงเกิ้ลแรก Kaisen Sengen (ไคเซ็น ซังเกน)ซึ่งติดอันดับชาร์ตเพลงอินดี้ของโอริกอนชาร์ต ได้รับการจับตามองอย่างมากเพราะทางวงอายุน้อย โดยเฉพาะเรียวมือกลองซึงขณะนั้นอายุแค่ 14 ปี แต่กว่าจะมีอัลบั้มเต็มชุดแรกก็ต้องรอกันจนถึงปี 2007 เพระทางวงเน้นทัวร์คอนเสิร์ตระหว่างที่ทำเพลงไปด้วย อัลบั้มเต็มชุดแรกมีชื่อเดียวกับวงคือ Girugamesh ได้รับความนิยมอย่างมากถึงขั้นมีคอนเสิร์ตที่ เยอรมัน ฝรั่งเศส อังกฤษ สวีเดน และฟินแลนด์ ถือเป็นช่วงขาขึ้นของทางวงจนมีงานเพลงออกมาอีก 4 ชุด มีเพลงดังมากมาย เช่น Incomplete และ Crying Rain แต่ในปี 2016 แฟนเพลงก็ช็อคไปตามกันเมื่อ Girugamesh ประกาศยุบวงด้วยเหตุผลว่าถึงจุดอิ่มตัวทั้งที่กระแสความนิยมยังดีอยู่

Scandal (สแกนดัล)
4 ร็อคเกอร์สาว ฮารุนะ, มามิ, โทโมมิ และ รินะ ตั้งวงกันในปี 2006 หลังจากรู้จักกันที่โรงเรียนสอนเต้นและขับร้องที่โอซาก้า พวกเธอเริ่มจากการแสดงตามโรงเรียน, สวนสาธารณะ และ มิวสิคฮอลล์ในจังหวัด เป็นที่แปลกตาแก่ผู้พบเห็นเนื่องจากเป็นวงร็อคหญิงล้วน ทำให้แพร่หลายในอินเตอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว, ปี 2007 สแกนดัลมีโอกาสเข้าร่วมแสดงอีเวนท์พิเศษที่ Shibuya Club Asia ผลตอบรับจากการโชว์ครั้งนี้ค่อนข้างดี จนได้รับการเซ็นสัญญากับค่ายอินดี้ชื่อ Kitty Records ด้วยคาแรคเตอร์สดใสน่ารักทำให้ทางวงมีละครซีรี่ย์ระหว่างช่วงทำเพลงจนโด่งดังมากขึ้นไปอีก และปี 2009 อัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเธอ BEST★SCANDAL ก็ออกวางจำหน่าย ได้รับความนิยมอย่างสูง จนต้องออกอัลบั้มแทบทุกปี ปัจจุบันพวกเธอมีผลงานมาแล้ว 7 ชุด มีเพลงดังเช่น Departure (ดีพาร์ทเจอร์), Love Survive และ Haruga (ฮารุกะ)
10 วงดนตรีจากค่ายมิวสิคบั๊กส์

ละอ่อน
วงชนะเลิศการประกวดฮ็อตเวฟมิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 1 มีสมาชิก 6 คนจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย คือ ตูน, เภา, ปิ๊ด, น็อต, ป็อป และ กฤษ ชื่อวงมาจากวันรับน้องของโรงเรียนสวนกุหลาบ หลังจบการประกวด ทางมิวสิคบั๊กส์ได้ทาบทามให้ทำอัลบั้มทันที มีอัลบั้มแรกชื่อชุด ละอ่อน ในปีพ.ศ. 2540 ส่งเพลงดังอย่าง สมควร, ได้หรือเปล่า ติดชาร์ตเพลงโดนใจวัยมัธยมกันถ้วนหน้า แต่หลังจากชุดแรกตูนและเภาก็ขอลาออกจากวง เนื่องจากต้องไปศึกษาต่อ ทางวงจึงเปลี่ยนนักร้องนำเป็นปั้น ออกอัลบั้มชุดที่ 2 เป็นอัลบั้มเพลงประกอบละครชื่อ เทพนิยายนายเสนาะ มีเพลงฮิต คือ หลอก และ รักตรงบรรจง แต่หลังจากชุดที่ 2 ไม่นาน ละอ่อนก็ยุบวงแยกย้ายกันไปทำงานส่วนตัว

Peak
ริ่มจากสมาชิกสองคนในวงคือ ชาย (กีต้าร์) กับ เจ (เบส) ร่วมเล่นดนตรีด้วยกันมานาน ต้องการทำเพลงของตนเองในยุคอินดี้เฟื่องฟู จึงได้ชักชวน โจอี้ (กลอง) กับ หลุน (ร้องนำ) เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ที่เดียวกับเจเข้ามาร่วมวง ช่วงแรกพวกเขาใช้ชื่อว่า สี่กุมารทอง ทำเพลงส่งให้คลื่นวิทยุ ไพเรท เรดิโอ มีเพลง ดาว ฮิตติดชาร์ต และยังมีโอกาสเข้าร่วมแสดงในงาน ร็อค มาร์เก็ต ครั้งที่ 2 ที่อาร์ซีเอด้วย หลังจากนั้นจึงทำเดโมมาคุยกับผู้บริหารค่ายมิวสิคบั๊กส์ ได้ออกผลงานชุดแรกชื่อชุด สุดขอบ ในปี 2543 ส่งเพลงดัง 2-1 = 0 เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ ในปีต่อมาก็มีอัลบั้มที่ 2 PEAK 2 PLAY มีเพลงฮิต ภาษาคน ติดหูคนฟัง หลังจากอัลบั้มที่ 2 ก็ไปทำชุดพิเศษเปลี่ยนชื่อวงเป็น Free ในปี 2545 ก่อนจะหายไปพักหนึ่งและกลับมาทำอัลบั้ม One For All ในปี 2551 แต่ไม่ประสบความสำเร็จ

ลาบานูน
วงที่ ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ ผู้บริหารค่ายมิวสิคบั๊กส์เห็นแววตั้งแต่การประกวดฮ็อตเวฟ มิวสิคอวอร์ดครั้งที่ 2 แม้ว่าเส้นทางประกวดจะจบที่รอบ 10 วงสุดท้าย แต่สามหนุ่มจากโรงเรียนอิสลามวิทยาลัยก็ได้มีผลงานอัลบั้มแรกชื่อชุด นมสด ในปี 2541 เปิดตัวด้วยเพลง ยาม กับทำนองดนตรีแปลกหูติดชาร์ตเพลงทั่วประเทศทันที วงลาบานูนถือเป็นวงที่ทำยอดขายหลักของทางค่าย มีผลงานกับมิวสิคบั๊กส์ทั้งหมด 6 อัลบั้ม มีเพลงฮิตมากมายไม่ว่าจะเป็น 191, แฟนเก่า, รักแท้, ถูกทุกข้อ หลังจากหมดสัญญากับมิวสิคบั๊กส์ในปี 2549 ลาบานูนก็ประกาศพักวงชั่วคราว เมธีเข้าสมัครเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดสตูล ก่อนจะกลับมาทำเพลงอีกครั้งโดยการชักชวนของวงบิ๊กแอสให้มาอยู่ค่าย จีนี่ เร็คคอร์ด

บอดี้สแลม
วงที่แตกตัวมาจากวงละอ่อน มีสมาชิกสามคน คือ ตูน, เภา และ ปิ๊ด ต้องการทำเพลงแนวร็อคมากขึ้น จึงฟอร์มวงใหม่ในชื่อ บอดี้สแลม แปลว่า ทุ่มสุดตัว ออกอัลบั้มกับค่ายมิวสิคบั๊กส์ชุดแรกชื่อชุด บอดี้สแลม ปี 2545 ก็ส่งเพลง อากาศ, สักวันฉันจะดีพอ และ ย้ำ ฮิตติดหูคนฟังกลุ่มวัยรุ่นทันที กลายเป็นวงร็อคหน้าใหม่ที่น่าจับตามอง หลังจากนั้น 1 ปี ก็มีอัลบั้มชุดที่ 2 ชื่อชุด Drive ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้ชุดแรก มีเพลง ปลายทาง, หวั่นไหว และ ความซื่อสัตย์ โด่งดังไปทั่วประเทศ ในปี 2547 พวกเขาก็มีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของวง BODYSLAM MAXIMUM LIVE ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ น่าเสียดายที่หลังจากอัลบั้มชุดที่ 2 บอดี้สแลมไม่ต่อสัญญากับมิวสิคบั๊กส์และย้ายไปค่าย จีนี่ เร็คคอร์ด

บิ๊กแอส
วงที่เริ่มมาจากอ็อฟและหมูสองมือกีต้าร์เพื่อนร่วมโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ตั้งวงดนตรีขึ้นมา ก่อนจะแยกย้ายไปศึกษาระดับอาชีวะจึงได้รู้จัก แด๊ก (ร้องนำ) และ ต้น (เบส) ฟอร์มวงด้วยกันทำเพลง และได้กบ น้องชายของหมูมาตีกลอง ออกอัลบั้มแรกกับค่ายมิวสิคบั๊กส์ในปี 2540 ชื่อชุด Not Bad มีเพลงฮิต ทางผ่าน และอัลบั้มชุดที่ 2 XL ในปี 2543 ซึ่งเป็นงานเพลงที่สร้างชื่อให้ขาร็อครู้จักกับวงนี้อย่างแท้จริง มีเพลงดังมากมายทั้ง ก่อนตาย, รักเขาให้เท่าฉัน และ เธอเก็บฉันไว้ทำไม จากนั้นจึงทำอัลบั้มที่ 3 My World ในอีก 3 ปีต่อมา เปลี่ยนมือเบสจาก ต้น มาเป็น โอ๊ค ก็มีเพลงฮิต ไม่ค่อยเต็ม, เหตุผลง่าย ๆ และ ทิ้งไว้ในใจ โด่งดังไปทั่วประเทศ แต่หลังจากงานเพลงชุดนี้แล้ว เป็นอีกวงที่ไม่ต่อสัญญากับมิวสิคบั๊กส์และย้ายไปค่ายจีนี่เรคคอร์ด

เกิร์ล
วงร็อคที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวกับเสียงสูงและไลน์คีย์บอร์ด มีสมาชิก 5 คนคือ ปาล์ม (ร้องนำ), แชมป์ (กีต้าร์), โจ๊ก (เบส), ปอ (คีย์บอร์ด) และ เฟิน (กลอง) มีผลงานกับค่ายมิวสิคบั๊กส์ตั้งแต่ปี 2542 ชื่อชุด Girl เพียงอัลบั้มแรกก็โด่งดังไปทั่วประเทศทันทีกับเพลง เปลือง หลังจากนั้น 2 ปี พวกเขาจึงทำอัลบั้มชุดที่ 2 Show Girl ได้รับความนิยมมากขึ้นกว่าชุดแรก มีเพลงฮิตอย่าง ข้องใจ, ทำไมไม่รัก และ แล้วเธอจะมาอีกไหม หลังจากอัลบั้มที่ 2 เฟิน มือกลองได้ออกจากวงไปศึกษาต่อต่างประเทศ วงเกิร์ลได้ออกอัลบั้มที่ 3 Feel ด้วยสมาชิก 4 คน แต่งานเพลงชุดนี้กระแสกลับไม่ดีเท่าชุดก่อนๆ จึงยุบวงแยกย้ายกันไป โดยปาล์มและปอไปทำวง Instinct (อินสติงค์) กับค่ายแกรมมี่

แบชเชอร์
เริ่มจากการที่ละอ่อนยุบวง ทำให้ ปั้น อดีตนักร้องนำในอัลบั้มที่ 2 ชักชวนรุ่นพี่ นัส-อรรถพล กุมภานนท์ และ โฮม-ศิวพร ห้วยหงษ์ทอง มาร่วมทำวงใหม่ในชื่อ แบชเชอร์ มีผลงานกับมิวสิคบั๊กส์อัลบั้มแรก Fresh เมื่อปี. 2548 แจ้งเกิดได้ทันทีด้วยเพลง เสียดายของ จากนั้นได้ทำเพลงออกมาอีก 2 ชุดคือ อัลบั้ม Circle ปี 2549 และ อัลบั้ม 3D ปี. 2550 ส่งเพลงดังอย่าง เรื่องบังเอิญ และ เจ็บทุกทาง เข้าไปอยู่ในใจคนฟัง หลังจากค่ายมิวสิคบั๊กส์ยุบไปในปี 2555 วงแบชเชอร์ย้ายไปอยู่สังกัดโมโน มิวสิค และได้เปลี่ยนชื่อเป็น Status Single แต่กระแสค่อนข้างเงียบ ล่าสุด ปั้น กลับมาเป็นศิลปินเดียวกับค่ายจีนี่ เร็คคอร์ด มีเพลง เจ้าชายกบ ให้คนฟังหายคิดถึงกัน

ฟรายเดย์
วงดนตรีป็อปที่มีสมาชิก 3 คน คือ บอย, หนึ่ง และ ดุลย์ รู้จักกันมาในรั้วมหาวิทยาลัย ออกอัลบั้มชุดแรก Friday I’m In Love ในปี 2540 ถือว่าพลิกโฉมแนวเพลงมิวสิคบั๊กส์จากที่เคยมีแต่วงร็อคไปเป็นแนว Easy Listening มีเพลงดังอย่าง ฉันมีความสุข น่าเสียดายที่กระแสงานเพลงชุดนี้ค่อนข้างเงียบ เพราะช่วงนั้นกระแสเพลงป็อปยังไม่บูมมากนัก แต่ทางวงยังได้รับโอกาสให้ทำซิงเกิ้ลเพลงประกอบละคร เทพนิยายนายเสนาะ โดยนำเพลง นิดนึงพอ ของ แจ้ ดนุพล มาทำใหม่จนเป็นเพลงฮิตไปทั่วประเทศ หลังจากซิงเกิ้ลเพลงนี้พวกเขาหมดสัญญากับมิวสิคบั๊กส์ และย้ายไปอยู่ค่าย เพลย์กราวด์ มิวสิก ซึ่งกลายเป็นดีเพราะอัลบั้มชุดที่ 2 Magic Moment โด่งดังกว่าชุดแรกมานัก มีเพลงฮิตเช่น ชั่วโมงต้องมนต์ และ เปลี่ยนไปทุกอย่าง ทำให้คนฟังรู้จักพวกเขามากขึ้น

อ็อบบลิเวียส
วงดนตรีแนวอัลเทอร์เนทีฟเมทัล มีสมาชิก 5 คน โดย 4 ใน 5 เคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนไทยวิจิตรศิลป์มาก่อน ยกเว้น เมย์ มือกลองที่เรียนมหาวิทยาลัยรังสิต หลังจากเริ่มซ้อมกันจริงจัง ทั้ง Cover และแต่งเพลงไปด้วยพร้อมๆกัน ตระเวนเล่นตามงาน Underground ต่างๆ ในที่สุดก็เข้าตาผู้บริหารค่ายมิวสิคบั๊กส์ที่มาชมดนตรีงาน Underground งานหนึ่ง ชักชวนให้ลองส่ง Demo เข้าไป พวกเขาจึงมีอัลบั้มแรก More Sugar Extra Tattoo ในปี 2549 งานเพลงที่มิวสิคบั๊กส์ถือว่าเบาลงกว่าตอนอยู่ใต้ดินมาก แต่ก็มีเพลงฮิต เช่นเพลง อันตราย, รับไม่ได้ ที่ติดหูคนฟัง จนทางค่ายให้โอกาสทำอัลบั้มที่ 2 One Year Later ในปี 2551 น่าเสียดายที่ชุดนี้กระแสค่อนข้างเงียบ วงจึงแยกย้ายกันไป โดยปัจจุบัน เมย์ ไปเป็นมือกลองให้กับวงลาบานูน

ฮอบบิท
วงดนตรีป็อปร็อคที่ได้ไอเดียชื่อวงจากตัวละครเรื่อง เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์ เพราะสมาชิกทั้ง 4 คน คือ เอฟ (ร้องนำ), เอ็ม (กีตาร์), แก๊ป (กลอง), และ อรรถ (เบส) เป็นคนตัวเล็กทั้งหมด วงฮอบบิทนั้นเริ่มจากการเป็นแบ็คอัพให้กับศิลปินต่างๆในค่ายมิวสิคบั๊กส์มายาวนาน ก่อนจะได้ชิมลางกับโปรเจกต์ Teen Spirit เป็นอัลบั้มรวมวงหน้าใหม่ของมิวสิคบั๊กส์ โดยวงฮอบบิทได้ส่งเพลง คำดีๆ และ เท่าเดิม มาในอัลบั้มนี้ กระแสตอบรับของ Teen Spirit ค่อนข้างดี ทำให้พวกเขามีผลงานอัลบั้มเต็มของตัวเองชื่อชุด Display เมื่อปี 2551 ส่งเพลง ถูกที่ ผิดเวลา ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตวิทยุต่างๆทันที น่าเสียดายที่ในงานเพลงชุดที่ 2 ของพวกเขานั้น มีซิงเกิ้ลออกมาได้ 3 เพลง ค่ายมิวสิคบั๊กส์ก็ปิดตัวลงไป ทำให้วงฮอบบิทย้ายไปอยู่ค่าย Microphone Plastics (ไมโครโฟน พลาสติก)
