Chorus Effect เอฟเฟคที่เสียงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา

“เมื่อเลือกจะมีเอฟเฟคคอรัสไว้ในครอบครอง สิ่งที่ต้องถามตัวเองก็คือแนวดนตรีเราเป็นยุคไหน เลือกคอรัสให้เข้ากับแนวของเรา”

Boss CE-20 Chorus Ensemble

เอฟเฟคอย่าง Chorus มักถูกใช้เพื่อทำให้ไลน์ดนตรีมีความหนามากขึ้น ถือเป็นสัญลักษณ์ของดนตรียุค 80 เลยทีเดียว เสน่ห์ที่เย็นวาบ เสียงดังว้องๆ ของมัน ถือเป็นลักษณะของแนวดนตรีของยุคนั้นเพราะมันถูกใช้อย่างล้นหลาม

แต่…ถึงแม้มันจะเป็นที่นิยมในยุค 80 เอฟเฟคชนิดนี้ก็ปรากฏแก่วงการดนตรีตั้งแต่ยุค 60 ไปแล้ว และถูกใช้โดยศิลปินผุ้ยิ่งใหญ่อย่าง Jimi Hendrix ด้วย

ความตั้งใจแต่เดิมของมันมีเพื่อจะ ‘เลียนเสียง Rotary Speaker’ หรือลำโพงที่ขณะทำงาน ตัวลำโพงจะหมุนไปด้วยพร้อม ๆ กัน ให้เสียงคล้ายออร์แกน
ตัววงจรถูกออกแบบให้แยกสัญญานออกเป็นสองส่วน ส่วนสัญญานกีต้าร์เดิม และสัญญานที่ถูกแปลงความถี่เล็กน้อย ผสมกับเข้าไปกับสัญญานเดิมโดยช้ากว่าเดิมในระดับมิลลิวินาที

แต่ทว่ามันกลับล้มเหลว
ถึงอย่างนั้น มันกลับให้เสียงดัง ‘ว้องๆ’ ที่เป็นลักษณะเฉพาะ กลายมาเป็นแม่แบบของเอฟเฟคตระกูลนี้ในเวลาต่อมา

ในยุค 60 คอรัสจะให้สัมผัสวูบ ๆ วาบ ๆ เสียงมีการ vibrato ทำให้เสียงเพี้ยนไป ๆ มา ๆ เป็นเอฟเฟคตระกูล uni-vibe

ในยุค 70 ให้เสียงในโทนสว่าง ออกคล้าย ๆ เสียงเครื่องเป่าทองเหลือง หาฟังได้จากเอฟเฟคคอรัสจาก Maxon

และในยุค 80 ให้เสียงว้อง ๆ ให้ความรู้สึกเย็นฉ่ำ อย่างใน Boss – Super Chorus

Boss Super Chorus CH-1

ถ้าคิดจะใช้เอฟเฟคชนิดนี้แล้ว เลือกมันให้ตรงกับแนวของเพื่อน ๆ ด้วยนะ นอกจากนี้ก็ทำความเข้าใจกับปุ่มสำคัญต่าง ๆ บน Chorus สองปุ่ม คือ
Depth และ Rate
ปุ่ม Depth ทำให้เสียงจากเอฟเฟคได้ยินชัดขึ้น
ปุ่ม Rate ยิ่งเพิ่ม ยิ่งให้สัมผัสความรู้สึกวิงเวียน

=======================================
ขอขอบคุณช่อง Howcast และ Roland U.S. บน Youtube

เลิกงงกันได้แล้ว! คอร์ดที่มี “/” เค้าเล่นกันแบบนี้

คอร์ดที่มี / เค้าเล่นกันยังไงน้า

น่าจะเคยเจอกันมาบ้าง อย่างคอร์ด C/B อะไรทำนองนี้
มันจะต้องเล่นคอร์ด C เอ๊ะ หรือว่าเล่น B หรือจัดมันทั้งสองคอร์ดพร้อมๆกัน ?

12

วันนี้เราจะมาเฉลยให้ฟัง

คอร์ดที่มี / เช่น C/B C/E G/B ทั้งหลายพวกนี้ มีชื่อเรียกว่า Slash Chord ‘คอร์ดสแลช’
ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับ Slash มือกีต้าร์ Guns ‘n Roses ใดๆทั้งสิ้น 😛

ต้องมารู้กันก่อนว่าคอร์ดเกิดจากการเรียงของโน้ตหลาย ๆ ตัวพร้อม ๆ กัน ดังนั้นทุกครั้งที่เราจับคอร์ดจะต้องมี
” โน้ต ที่มีเสียงต่ำที่สุดในคอร์ด หรือก็คือโน้ตที่อยู่ตามสายบน ๆ ของกีต้าร์นั่นเอง เราเรียกว่า ‘โน้ตเบส’ ”

การเขียนว่า C/B อย่างนี้เป็นต้น คือ การบอกว่า จับคอร์ด C โดยให้โน้ตต่ำสุด(โน้ตเบส) เป็นโน้ต B นั่นเอง

การจะจัยคอร์ดประเภทนี้ได้ถูกต้อง จะต้องรู้ว่า โน้ตบนคอกีต้าร์มีอะไรบ้างนั่นเอง ยกตัวอย่าง C/B จะต้องจับ
e–0–
b–1–
g–0–
d–2–
a–2–
E–x–

จะเห็นว่าที่สาย 5 เราจะกดเฟรต 2 แทนที่จะเป็น 3 อย่างในคอร์ด C ทั่ว ๆ ไป
โดยเฟรต 2 สาย 5 คือโน้ต B

มาชมอีกตัวอย่าง คอร์ด C/G
e–0–
b–1–
g–0–
d–2–
a–3–
E–3–

เราเพิ่มโน้ตที่เฟรต 3 สาย 6 เข้าไป ซึ่งเป็นโน้ต G

มาถึงตรงนี้ มือใหม่ อาจจะงง หรือตัดพ้อเอาว่า ‘โอ้ย ก็ฉันจำโน้ตบนคอไม่ได้นี่นา งั้นเลิกเล่นเพลงนี้ไปเลยละกัน คอร์ดยาก…’

โนวววว ในดนตรีเรามีการประนีประนอมเสมอนาจาา ซึ่งก็คือ

เลิกสนใจ โน้ตเบส ไปซะ!
อย่าง C/B หรือ C/G ก็เล่นแค่ C, G/B ก็แค่ G ก็พอ ตรงนี้ก็พอกล้อมแกล้มไปได้

หรือ ถ้าคุณมีวงเล่น
ก็ให้มือเบสเป็นคนกด โน้ตเบส แทน

วันนี้ก็จบไปกับคอร์ด / ซึ่งไม่ได้ยากเลย แต่ต้องรู้จักโน้ตบนคอกีต้าร์เท่านั้นเอง ถ้าใครอยากจะให้เป๊ะ ๆ ก็ลองจำโน้ตบนคอ แล้วกดกันให้ถูกต้องดูกันเนอะ

ขอขอบคุณภาพจาก guitarnoise.com