7 Diva ตัวแม่แห่งวงการเพลงโลก

Diva เป็นคำที่มีรากศัพท์มาจากภาษาอิตาลี ในสมัยก่อนจะใช้เป็นคำเรียกนักร้องหญิงที่เป็นเสียงหลักในการแสดงละครเวที จนปัจจุบันกลายมาเป็นคำยกย่องให้กับศิลปินหญิงที่มีความโดดเด่นในด้านเสียงร้อง รวมไปถึงความสามารถที่โดดเด่นจนสร้างชื่อเสียงให้กับตนเองได้ ในวงการเพลงทั่วโลกก็จะมี Diva ในแต่ละแนวเพลง ซึ่งวันนี้ Musicarms จะขอยกรวมกันมาคร่าวๆ 7 รายชื่อซึ่งแต่ละคนนั้นเสียงร้องต้องบอกว่าทรงพลังสมกับที่ได้รับการยกย่องให้เป็นตัวแม่แห่งวงการเพลงอย่างแท้จริง

Image result for Kelly Clarkson

Kelly Clarkson

นักร้องสาวชาวอเมริกันรายนี้เกิดเมื่อวันที่ 24 เมษายน ปี 1982 ฉายแสงความเป็น Diva มาตั้งแต่การประกวดร้องเพลงในรายการอเมริกัน ไอดอลเมื่อปี 2002 ซึ่งเธอก็เป็นผู้ชนะเลิศ ก่อนจะออกซิงเกิ้ลแรกในชีวิต A Moment Like This และสามารถทะยานเข้าสู่อันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ต และออกอัลบั้มเต็มมาเมื่อปี 2003 ทำยอดขายถึง 4.5 ล้านแผ่นทั่วโลกในเพลงแนวป็อปร็อคจนได้เสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่อวอร์ด และในอัลบั้มที่ 2 นี้เองเธอก็สามารถพิชิตรางวัลแกรมมี่ในสาขา Best Pop Vocal Album ส่งเพลง Because of You โด่งดังไปทั่วโลกและออกอัลบั้มต่อเนื่องมา 6 ชุด ทั้งที่ในสมัยเด็กนั้นเธออยากเป็นนักร้องมากจนถึงขั้นทำเดโม่ไปเสนอค่ายเพลงต่างๆและโดนปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย ซึ่งปัจจุบันค่ายเพลงเหล่านั้นคงจะเสียดายที่ปล่อยให้เพชรงามแห่งวงการดนตรีหลุดมือไป

Image result for Adele

Adele

Adele Laurie Blue Adkins หรือที่เรียกสั้นๆว่าอะเดลเป็นศิลปินจากอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1988 และประสบความสำเร็จอย่างมากตั้งแต่อายุยังน้อยเนื่องจากเส้นทางสายดนตรีของเธอนั้นต้องบอกว่าโชคดีเมื่อเพื่อนของคุณพ่อเป็นโปรดิวเซอร์และได้ยินเสียงอะเดลจึงชื่นชอบตั้งแต่ตัวเธอยังเรียนมัธยมด้วยซ้ำ หละงจากจบการศึกษาเมื่อปี 2006 ก็ได้ลงมือทำอัลบั้มของตนเองก่อนจะออกวางแผงในปี 2008 ซึ่งใช้ชื่อชุดเป็นอายุขณะที่ออกในทุกๆอัลบั้ม ในอัลบั้มที่ชุด “21” ก็ส่งเพลงดังอย่าง Someone like you และ Rolling in the deep ทะยานเข้าป้ายอันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ตทันทีและรับรางวัลแกรมมี่ในสาขาอัลบั้มยอดเยี่ยมแห่งปี รวมไปถึงรางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยมของโลกจาก Billboard Music Award อีกเช่นกัน

Image result for Christina Aguilera

Christina Aguilera

นักร้องเพลงป็อปและ R&B ชาวอเมริกันที่ทำยอดขายอัลบั้มรวมกว่า 43 ล้านชุดทั่วโลกรายนี้เกิดเมื่อ 18 ธันวาคม 1980 เริ่มเส้นทางดนตรีมากับรายการมิกกี้ เม้าส์คลับของดิสนี่ย์ร่วมกับบริทนี่ย์ สเปียร์และจัสติน ทิมเบอร์เลคมาก่อน และเธอได้รับโอกาสให้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ของดิสนี่ย์ในเพลง Reflection เรื่องมู่หลาน ซึ่งเพลงนี้ได้เข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาเพลงประกอบภาพยนต์ยอดเยี่ยมส่งผลให้ชื่อของคริสติน่า อากีเลร่า ดังเป็นพลุแตกทันที จนได้ออกอัลบั้มแรกเมื่อปี 1999 และส่งเพลง Genie In A Bottle ขึ้นครองอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงอเมริกัน และนิตยสารโรลลิ่งสโตนได้จัดให้เธออยู่ในอันดับ 58 ใน 100 นักร้องที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล ซึ่งเธอเป็นผู้อายุน้อยที่สุดใน 100 อันดับ และปัจจุบันก็มีอัลบั้มออกมา 5 ชุดแล้ว

Image result for Beyonce

Beyonce

นักร้องสาวแนว R&B รายนี้เกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 1981 โดยเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่เด็กๆและได้เข้าเรียนโรงเรียนดนตรีฮิวส์ตันและเป็นนักร้องนำในวงดนตรีคณะประสานเสียงของโรงเรียน ต่อมาค่ายโคลัมเบียเร็คคอร์ดมีโครงการจะทำวงหญิงล้วนในแนว R&B บียอนเซ่จึงได้โอกาสเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการไปสมัครเดบิวต์และด้วยพลังเสียงที่หาตัวจับยากจึงได้ออกอัลบั้มกับวง Destiny Child เมื่อปี 1997 ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมากถึง 8 อัลบั้ม เพลงฮิตอย่าง Say my name คว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดในปี 2001 ก่อนที่สมาชิกจะแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยว ซึ่งบียอนเซ่ต่อยอดความเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้อย่างยอดเยี่ยมกับอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก Dangerously in Love มีเพลงดังอย่าง Crazy in Love ที่ร้องร่วมกับแร๊พเปอร์หนุ่ม Jay-C ขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ตและทำยอดขายเกิน 3 แสนแผ่นในสัปดาห์แรก รวมไปถึงคว้ารางวัลแกรมมี่อวอร์ดเช่นเดียวกัน

Image result for Mariah Carey

Mariah Carey

นักร้องสาวชาวอเมริกันผู้ทำยอดขายซิงเกิ้ลเพลงกว่า 260 ล้านชุดทั่วโลก เกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 1970 โดยเส้นทางสายดนตรีของเธอนั้นได้รับช่วงต่อมาจากคุณแม่ที่เป็นนักร้องโอเปร่า เธอเริ่มหัดร้องเพลงด้วยอายุแค่ 3 ขวบเท่านั้นและได้ซึมซับเทคนิคการร้องจากเวทีละครที่ต้องเข้าไปหาคุณแม่อยู่บ่อยครั้ง จนได้เป็นนักร้องเสียงประสานให้แก่ เบรนด้า เค. สตารร์ และในปี 1988 จุดเปลี่ยนสำคัญก็มาถึงเมื่อเธอได้พบกับผู้บริหารจากค่ายเพลง “โคลัมเบีย” ชื่อ ทอมมี่ มอตโตล่า ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งซึ่งตัวทอมมี่นั้นประทับใจในเสียงของมารายห์เป็นอย่างมากและได้ดึงเข้าสังกัดในที่สุด ซึ่งเพียงแค่อัลบั้มแรกที่ออกมาเมื่อปี 1990 ก็ฉายแสงเต็มตัวด้วยการขึ้นอันดับ 1 บิลบอร์ดชาร์ต 11 สัปดาห์และได้รางวัลแกรมมี่อวอร์ดในสาขาศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ส่งให้เธอเป็นที่รู้จักในนาม Diva lาวเสียงดีไปทั่วโลกทันที

Image result for Celine Dion

Celine Dion

Diva เสียงทรงพลังที่เกิดในแคนาดาเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 1968 ซึ่งเชื้อสายเดิมของเธอคือชาวฝรั่งเศสทำให้ผลงานเพลงช่วงแรกนั้นเป็นภาษาฝรั่งเศสทั้งสิ้น จนกระทั่งเธอได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างจริงจังและโชคชะตาพาไปรู้จักกับ เดวิด ฟอสเตอร์ โปรดิวเซอร์ชื่อดังจึงได้ออกอัลบั้มแรกในอเมริกาเมื่อปี 1990 ชื่ออัลบั้ม Unison แต่ผลงานที่สร้างชื่อให้โลกรู้จักเธอมากขึ้นคือการร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Beauty and the Beast เมื่อปี 1991 และได้รับรางวัลออสการ์สาขาเพลงยอดเยี่ยม ก่อนจะต่อยอดความสำเร็จด้วยการได้รับเป็นผู้ร้องเพลงโอลิมปิคที่แอตแลนต้าปี 1996 และเพลงประกอบภาพยนต์ไททานิคอย่าง My heart will go on ที่โด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันค่ายโซนี่ยืนยันความเป็น Diva ก้องโลกของเธอด้วยการประกาศว่า ดิออน คือศิลปินหญิงที่มียอดขายมากที่สุดในโลก

Image result for Whitney Houston

Whitney Houston

ตำนานเจ้าแม่ Diva ที่จากโลกนี้ไปด้วยวัยแค่ 48 ปี โดยวิทนี่ย์นั้นเกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1963 ออกผลงานมา 6 อัลบั้ม เริ่มเส้นทางดนตรีจากการเป็นนักร้องประสานเสียงในโบสถ์และร้องเพลงที่ไนท์คลับรวมไปถึงร้องแบ็คอัพให้กับศิลปินต่างๆควบคู่ไปกับการเป็นนางแบบ จนค่าย Arista Records มาเห็นแววของเธอในไนท์คลับแห่งหนึ่งที่กรุงนิวยอร์คและจับเซ็นสัญญาจนได้ออกอัลบั้มแรกในชีวิตเมื่อปี 1985 ผลงานที่สร้างชื่อให้กับวิทนี่ย์มากที่สุดคงไม่พ้นภาพยนต์เรื่อง The Bodyguard ในปี 1992 ซึ่งเธอรับหน้าที่ทั้งนักแสดงและผู้ร้องเพลงประกอบภาพยนต์ส่งผลให้เพลง I will aways love you กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลกทำยอดขายถึง 45 ล้านแผ่น และวิทนี่ย์ยังได้รับการบันทึกจากกินเนสบุ๊คอีกว่าเป็นนักร้องหญิงที่กวาดรางวัลมากที่สุดในโลกอีกด้วย

5 นักร้อง R&B ชายไทยสุดคูล

สงคราม R&B ของหน้ากากทุเรียนและหน้ากากจิงโจ้ใน The Mask Singer ได้จบลงไปแล้ว แต่สิ่งที่คนดูได้รับอย่างเต็มอิ่มคือเสียงร้องคุณภาพและอารมณ์ความสุขขณะฟังทั้งคู่ร้องเพลง ซึ่งถือว่านักร้องทั้งสองทำหน้าที่ถ่ายทอดอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้ทาง Musicarms ก็จะขอแนะนำนักร้องสไตล์ R&B ชายที่เจ๋งๆคูลๆในเมืองไทยกันซักเล็กน้อย เผื่อว่าเพื่อนๆจะได้หาฟังเพลงที่ไพเราะลึกซึ้งเช่นเดียวกันที่สองหน้ากากนี้ร้องและได้อรรถรสในบทเพลงอีกครั้ง

 

ทอม Room39

ตัวเก็งที่จะเป็นหน้ากากทุเรียนรายนี้เริ่มต้นวงการบันเทิงด้วยการเป็นดาราเด็กสุดดังในบท”ส้มฉุน”จากละครเรื่องเรือนมยุราก่อนจะหายจากวงการเพื่อไปเรียนต่อต่างประเทศ แต่กลับมาครั้งนี้กลับโด่งดังกว่าเดิมเพราะรวมวงกับเพื่อนๆที่อเมริกาภายใต้ชื่อวง Room39 ซึ่งมาจากหมายเลขห้องพักที่พักอยู่ที่โน่นนั่นเอง โดยทอมและเพื่อนๆได้ร้องเพลงที่ร้านอาหาร”เครื่องเทศ” ซึ่งก้อนหน้าที่จะออกซิงเกิ้ลที่เมืองไทยตัวทอมเองก็ได้คัฟเวอร์เพลงลงยูทูปบ่อยครั้งและได้รับกระแสตอบรับที่ดีเยี่ยมเพราะเสียงร้องที่มีสเนห์ในสไตล์ R&B จนเมื่อทำเพลงกับค่าย Loveis ของบอย โกสิยพงศ์ซึ่งเป็นเจ้าพ่อเพลงแนวนี้อยู่แล้ว จึงไม่แปลกที่จะดังเปรี้ยงและเป็นหนึ่งในนักร้อง R&B ที่คนไทยรักทั้งประเทศ

 

อ็อฟ ปองศักดิ์

หนุ่มเสียงดีขั้นเทพรายนี้แจ้งเกิดจากเวทีประกวด AF ครั้งแรก ซึ่งก็ได้โชว์พลังเสียงอันเป็นจุดเด่นของเขาตั้งแต่การประกวด แม้ว่าจะได้แค่รองชนะเลิศแต่ทาง AF ได้ประสานกับทางค่ายแกรมมี่จนอ็อฟ ปองศักดิ์มีอัลบั้มแรกในชีวิตชื่อว่า Aof V-Friend เพลงของอ็อฟอย่าง “จากคนรักเก่า” ก็เป็นเพลงแจ้งเกิดที่โด่งดังไปทั้งประเทศในสไตล์ R&B ช้าๆที่ฟังแล้วบาดลึกถึงอารมณ์ ก่อนที่อ็อฟจะได้ร้องเพลงแนวนี้มากขึ้นเพราะเป็นแนวถนัดของเจ้าตัวในอัลบั้มต่อๆมาอีก 5 อัลบั้มจนมีซิงเกิ้ลเพลง R&B ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองไม่ว่าจะเป็น “แทงข้างหลัง…ทะลุถึงหัวใจ” และ “ผู้ชายคนนี้กำลังหมดแรง” จนทำให้ชื่อของอ็อฟ ปองศักดิ์ได้รับการยอมรับเป็นนักร้อง R&B แถวหน้าของประเทศและหลายคนยกให้เป็นนักร้อง Diva ฝั่งชายอีกด้วย

 

เป๊ก ผลิตโชค

นักร้อง R&B อีกรายที่มีผลงานดีๆมาให้แฟนๆได้ฟังกันเพียบ ซึ่งสิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้คือเป๊กเกือบจะได้ออกเทปเป็นวงบอยด์แบนด์ในชื่อวง G-boyz ร่วมกับฟิล์ม รัฐภูมิก่อนที่โปรเจ็คจะถูกพับไป และมาเป็นนักร้องเดี่ยวในสังกัดแกรมมี่แทน ซึ่งการออกเดี่ยวทำให้เป๊ก ผลิตโชคได้โชว์พลังเสียงในสไตล์ R&B ที่เขาชื่นชอบได้อย่างเต็มที่มากกว่าการเป็นบอยแบนด์ บทเพลงของเป๊กมากมายจึงฮิตติดหูคนฟังภายในเวลาไม่นานตั้งแต่อัลบั้มแรกด้วยเพลง “ไม่มีใครรู้” และ “หรือแค่ขำขำ” ก่อนจะได้มาร่วมงานกับนักร้องคุณภาพอีก 2 คน คือ อ็อฟ และ ไอซ์ ออกอัลบั้มเป๊ก อ็อฟ ไอซ์ ซึ่งก็ยังมีบทเพลงดังอย่าง”แค่คนโทรผิด”ซึ่งเป็นแนว R&B ตามถนัดเป็นเพลงดัง เป็นการยืนยันถึงความเป็น R&B ในตัวนักร้องหนุ่มผู้นี้ได้อย่างชัดเจน

 

บี พีระพัฒน์

นักร้องเสียงดีที่เป็นที่รู้จักในนามอดีตนักร้องนำวงดังอย่างเครสเซนโด ซึ่งก่อนหน้าที่บี พีระพัฒน์จะมาอยู่วงเครสเซนโดนั้น เขาเคยร่วมงานเป็นนักร้องนำวง RRR&B ในสังกัดแกรมมี่ ซึ่งมีเพลงฮิตคือเพลง”สองเรา”ที่ร่วมร้องกับ เทเรซ่า อากีล่าร์ในสไตล์ R&B (ซึ่งชัดเจนตั้งแต่ชื่อวง) หลังจากหมดสัญญากับทางค่ายก็ได้ตระเวนร้องเพลงตามผับและรับบันทึกเสียงในสตูดิโอ ซึ่งผับที่บี พระพัฒน์ไปร้องก็คือผับสไตล์แจ๊สเบอร์ 1 ของไทยอย่าง Saxophone Pub จนได้มาเจอเพื่อนๆวงเครสเซนโดและถูกชะตากันจึงชวนให้มาเป็นนักร้องนำวงเครสเซนโดก่อนจะมีเพลงฮิตอย่าง “ความจริงในใจ” และ “ดินแดนแห่งความรัก” ที่มีกลิ่นอาย R&B ดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ภายหลังแยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวยิ่งมีความเป็น R&B ชัดเจนยิ่งขึ้นในเพลง”พูดตรงๆ”เข้าไปอีกต่างหาก

 

เบน ชลาทิศ

นักร้องคุณภาพขั้นแนวหน้าของประเทศรายนี้เริ่มเส้นทางดนตรีจากการเข้าเรียนที่โรงเรียนดุริยางคศิลป์และรวมวงกับเพื่อนๆตั้งวงชื่อ “โมโนโทน” ขึ้นมา ซึ่งยุคนั้นการทำเพลงแบบอินดี้จะมาแรงมากศิลปินมีกจะทำเพลงเองและส่งให้คลื่นวิทยุช่วยเปิด โดยวงโมโนโทนก็ได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี จึงเข้าตา บอย โกสิยพงศ์ ดึงตัวเบนมาร่วมร้องในหลายๆเพลงเช่น คนข้างล่าง, คะแนนชีวิต โดยสองเพลงนี้ก็ดึงความเป็น R&B ในตัวของเบน ชลาทิศออกมาถ่ายทอดให้คนฟังได้อย่างเต็มที่และแจ้งเกิดในวงการอย่างเต็มตัว ก่อนจะมาต่อยอดในนามวง B-Five ร่วมกับศิลปิน R&B อีก 4 ท่าน คือ บี พีระพัฒน์, มาเรียม, โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ และ คิว วงฟลัวร์ และยืนหยัดในเส้นทาง R&B มาอย่างยาวนานในวงการเพลงไทย ซึ่งความสามารถของเบนนั้นการันตีด้วยรางวัลดังๆเช่น ศิลปินเดี่ยวแห่งปี จาก “ไนน์เอ็นเตอร์เทน อวอร์ด เป็นต้น

7 วงไทยอมตะในยุคแรกเริ่ม

วันที่ 20 มีนาคมที่รอยัล พารากอน ฮอลล์นี้จะมีคอนเสิร์ต Music Never Died ของอาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา อดีตนักร้องนำวงดิอิมพอสซิเบิ้ล ซึ่งน้องๆหลายคนอาจจะเกิดไม่ทันรับรู้ความดังของอาต้อยในสมัยนั้นก็สามารถไปชมคอนเสิร์ตนี้กันได้ และอาจจะงงกันว่าอาต้อยมีลุคแบบนี้ด้วยหรือเพราะช่วงหลังเห็นในมาดของพิธีกรเท่านั้น วันนี้ Musicarms ก็จะมาขอรำลึกความหลังวงดนตรียุคบุกเบิกของเมืองไทยในช่วงแรกๆ ที่การทำเพลงหรือรวมวงของพวกเขาเหล่านี้นั้นมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงวงการเพลงบ้านเราเหลือเกิน

ดิ อิมพอสซิเบิ้ล

วงสตริงคอมโบที่โด่งดังในเมืองไทยช่วงยุค 70 โดยสมาชิกแต่ละคนนั้นระดับหัวกะทิทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นอาต้อย เศรษฐาที่รับหน้าที่กีต้าร์และร้องนำคู่กับคุณวินัย พันธุรักษ์ คุณอนุสรณ์ตีกลองและคุณพิชัยเล่นเบสซึ่งสมาชิกช่วงแรกนั้นมี 4 คนก่อนจะค่อยๆทยอยเพิ่มมาในตอนหลังซึ่งหนึ่งในนั้นคืออาเต๋อ เรวัติ พุฒินันท์ คนดังแห่งค่ายแกรมมี่นั่นเอง วงดิ อิมพอสซิเบิ้ลชื่อเดิมคือ จอยท์ รีแอ็กชั่นซึ่งใช้ในการประกวดวงสตริงคอมโบจัดโดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ได้รับรางวัลชนะเลิศ 3 ปีติดต่อกัน ในช่วงปี 2512-2515 ก่อนเปลี่ยนชื่อวงเป็น ดิอิมพอสซิเบิ้ล โดยอัลบั้มชุดแรกของวงคือเพลงประกอบภาพยนต์เรื่อง โทน ก่อนจะมีเพลงฮิตติดหูวัยรุ่นในสมัยนั้นมาอย่างต่อเนื่อง เช่น โอรัก, ไหนว่าจะจำ และ เป็นไปไม่ได้ ดิ อิมพอสซิเบิ้ลยังโด่งดังถึงขั้นได้ไปเล่นดนตรีที่ฮาวายและยุโรปเหนือ เป็นเวลากว่า 3 ปี ก่อนจะกลับมาเมืองไทยเมื่อปี 2519 และประกาศยุบวง

แกรนด์เอ็กซ์

วงดนตรีที่ก่อตั้งมาเมื่อปี 2513 โดยกลุ่มนักเรียนวิทยาลัยบพิตรภิมุข นำโดย นคร เวชสุภาพร (กีต้าร์และหัวหน้าวง) ซึ่งก็คือคุณพ่อของ โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ นั่นเอง ได้รวบรวมเพื่อนวิทยาลัยเดียวกันอีก 6 ท่านเข้าร่วมประกวดวงสตริงคอมโบ้ชิงแชมป์ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2515 ประเภทนักเรียนนักศึกษา โดยเล่นแนวเพลงร็อคซึ่งยังไม่บูมมากในสมัยนั้นเพราะทางวงชื่นชอบ จิมมี่ เฮนดริกซ์ เป็นการส่วนตัว แต่ลุคของวงในสมัยนั้นยังเป็นแนวเรียบร้อยใส่เสื้อเชิตผูกเนคไทเล่นคอนเสิร์ตจึงเป็นที่แปลกตาและเก๋ไก๋เป็นอย่างมาก สมาชิกในวงมีการเปลี่ยนเข้าออกค่อนข้างบ่อยครั้งซึ่งแต่ละท่านนั้นมีชื่อเสียงอย่างมากในยุคปัจจุบันเช่น พี่แจ้ ดนุฟล แก้วกาญจ์ (ร้องนำ), จอนนี่ แอนโฟเน่ (กลอง,คีย์บอร์ด) ออกอัลบั้มจนถึงปี 2531 มีเพลงฮิตมากมายเช่น เชื่อฉัน, เพียงสบตา และ พรหมลิขิต ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง

ดิ อินโนเซนต์

วงดนตรีขวัญใจวัยรุ่นไทยในยุค 1980 มีผลงานในช่วงระหว่างปี 2523 – 2532 กับสังกัดนิธิทัศน์ แต่เดิมนั้นมีสมาชิกแค่ 3 คนคือ พีรสันติ จวบสมัย เป็นหัวหน้าวง, สายชล ระดมกิจ และสิทธิศักดิ์ กิจแต่ง เป็นวงดนตรีแนวโฟล์คซองซึ่งได้รางวัลมากมายจากการประกวดที่จังหวัดราชบุรีก่อนจะเข้ามาทำอัลบั้มในกรุงเทพซึ่งได้มีการปรับเปลี่ยนและเพิ่มสมาชิกเพราะดนตรีป็อปร็อคในสมัยนั้นกำลังมาแรงในประเทศไทย และหนึ่งในสมาชิกที่มาเพิ่มนั้นคือ โอม ชาตรี คงสุวรรณ มือกีต้าร์มากความสามารถนั่นเอง โดยช่วงแรกของวงนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรเพราะยังติดภาระเรื่องการศึกษา ก่อนจะมาบูมอย่างเต็มตัวในอัลบั้ม”เพียงกระซิบ”ซึ่งเป็นแนวเพลงป็อปร็อคเมื่อปี 2526 และฝากฝังผลงานเพลงดังๆไว้มากมายเช่น ฝันและใฝ่, เพราะเธอหรือเปล่า,ฝากรัก และเพียงกระซิบ

พลอย

วงนี้เริ่มมาจากพี่แจ้ ดนุพล แก้วกาญจ์ อดีตนักร้องวงแกรนด์เอ็กซ์ที่แยกมาออกอัลบั้มเดี่ยวและต้องการฟอร์มวงแบ็คอัพของตนเองขึ้นมา จึงรวมกับ โอม ชาตรี คงสุวรรณและสมาชิกท่านอื่นๆในชื่อวง”แจ้และพลอย”ขึ้นมา ซึ่งแต่ละท่านนั้นชื่อเสียงคุ้นเคยกันดีเช่น พี่ติ๊ก ชีโร่ รับหน้าที่มือกลอง, พี่มืด ไข่มุก ขณะนั้นเล่นเพอร์คัสชั่น หรือพี่ป้อม อภิชัย เย็นพูนสุข โปรดิวเซอร์ชื่อดังเล่นเปียโน โดยวงพลอยออกอัลบั้มกับแจ้ได้ชุดเดียวก็แยกมาออกเป็นวงเองไม่ใช่แบ็คอัพอีกต่อไป และพี่โอมชาตรีก็ได้ออกจากวงเพื่อไปทำหน้าที่กับวงดิ อินโนเซนต์ต่อ โดยได้จิ๊บวสุ แสงสิงแก้วเป็นนักร้องนำซึ่งชุดแรกคือ”สุภาพบุรุษนักฝัน”เมื่อปี 2530 และมีผลงานมาทั้งหมด 3 อัลบั้ม มีเพลงฮิตมากมายเช่น จิ๊บ ร.ด., สูตรรักนักเรียน, ปลงซะ และ ไม่ได้เจตนา ก่อนที่จิ๊บวสุ จะขอลาออกจากวงเพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศและติ๊ก ชีโร่แยกไปทำอัลบั้มเดี่ยวทำให้สมาชิกที่เหลือได้ประกาศแยกวงในที่สุด

รอยัลสไปรท์ส

“เจ็ง เจ็ง เจ็งกิสข่าน” เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินเพลงนี้มาเพราะนี่คือซิกเนเจอร์ของวงรอยัลสไปรท์สที่ใส่เนื้อเพลงไทยลงในทำนองเพลงต่างชาติ วงนี้เริ่มก่อตั้งในปี 2512 มีหัวหน้าวงคือ อำนาจ ศรีมา มือกีตาร์ได้รวบรวมเพื่อนๆ ที่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเพาะช่าง โดยมีนักร้องนำคือ อดิศักดิ์ ประคุณหังสิต เป็นวงแนวป็อปร็อคและดิสโก้เข้าประกวดวงสตริงคอมโบเมื่อปี 2513 ได้ตำแหน่งรองแชมป์โดยแพ้ให้กับวง ดิ อิมพอสซิเบิ้ล มีอัลบั้มแรกเมื่อปี 2522 ซึ่งเปลี่ยนนักร้องนำเป็นสุนทร สุจริตฉันท์ โดยอัลบั้มแรกก็สามารถสร้างชื่อเสียงและความฮืฮากับเพลงเจ็งกีสข่านได้ทันที และยังมีเพลง น่าอาย กับ อาลีบาบาที่โด่งดังอีกด้วย รอยัลสไปรท์สยังสานต่อความดังต่อเนื่องด้วยเพลง รักสิบล้อ รอสิบโมงซึ่งเพลงโปรดของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี ถึงขนาดนำไปพูดในสภาผู้แทนราษฎร ก่อนที่สมาชิกวงจะแยกย้ายไปทางเส้นทางส่วนตัวเมื่อปี 2530

แม็คอินทอช

วงดนตรีแนวสตริงที่ฟอร์มวงกันตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมี สมบัติ ขจรไชยกุล มือกี้ตาร์และนักร้องนำรับหน้าที่หัวหน้าวง โดยมีคุณ เสกสรรค์ ภู่ประดิษฐ์ พิธีกรชื่อดังจากรายการโลกดนตรีเป็นผู้ให้การสนับสนุนในช่วงแรก ก่อตั้งวงเมื่อปี 2520 ก่อนที่จะได้มาออกเทปเมื่อปี 2524 ชุดผมอยากดังซึ่งก็สร้างชื่อเสียงได้ในระดับหนึ่ง จนผลงานชุดที่สองคือชุด”ใจสยิว”จึงเปรี้ยงปร้างขึ้นมาด้วยภาพลักษณ์ของพี่ต้นมือกลองและพี่อู๋มือคีย์บอร์ดซึ่งโดนใจสาวๆในขณะนั้นทำให้ชื่อเสียงของวงพุ่งขึ้นมาอยู่แถวหน้าของเมืองไทยทั้งเรื่องฝีมือและรูปร่างหน้าตา วงแม็คอินทอชได้ร่วมแสดงภาพยนต์เรื่อง วันวานยังหวานอยู่และร้องเพลงประกอบภาพยนต์จนร้องกันได้ทั่วประเทศ ออกอัลบั้มมาทั้งหมด 7 ชุด จนระยะหลังที่สมาชิกของวงเริ่มสนใจอยากทำดนตรีจริงๆจังๆมากกว่าการแสดง วงแม็คอินทอชจึงแยกย้ายกันไปเมื่อปี 2530 ซึ่งแต่ละท่านก็ได้เข้าสู่เส้นทางดนตรีจนเป็นเบื้องหลังที่เต็มไปด้วยคุณภาพ

ชาตรี

วงดนตรีแนวโฟล์คซองที่ก่อตั้งมาเมื่อปี 2512 โดยนักศึกษาปี2 แผนกช่างภาพ วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ 3 คน คือ นราธิป กาญจนวัฒน์, ประเทือง อุดมกิจนุภาพ และ คฑาวุธ สท้านไตรภพ อยู่ต่อมาอีกไม่นานนัก วงชาตรีก็เกิดมีความคิดอยากจะได้มือกลองขึ้นมา จึงชักชวนอนุสรณ์ คำเกษม เพื่อนร่วมห้องอีกคนหนึ่งมาเล่นกลอง วงชาตรีเริ่มจากการประกวดโฟล์คซองที่จัดโดยชมรมโฟล์คซอง แม้ว่าจะสละสิทธิ์ในรอบ 2 แต่คุณครูไพบูลย์ ศุภวารี ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการตัดสินครั้งนั้น เห็นแววจึงได้ชวนไปอัดเสียงในรายการวิทยุ วึ่งกระแสตอบรับดีมากมีคนขอเพลงมากันเยอะ วงชาตรีจึงได้มีแผ่นเสียงเป็นของตนเองภายใต้ชื่อชุด “จากไปลอนดอน”เมื่อปี 2518 และออกอัลบั้มมาอย่างต่อเนื่อง 15 ชุดในเวลา 10 ปี สร้างเพลงฮิตทั่วประเทศทั้ง สวัสดีคุณครู, รักแล้วรอหน่อย และแอบรัก ก่อนที่จะเข้าสู่ยุคเทปคาสเซ็ทซึ่งทำให้แผ่นเสียงนั้นขายไม่ดี วงชาตรีจึงยุติลงเมื่อปี 2528 ด้วยคอนเสิร์ตที่ลานโลกดนตรีเป็นคอนเสิร์ตสุดท้าย

10 หนังเกี่ยวกับดนตรีที่ต้องหามาดู !!!

ดนตรีเป็นสิ่งประกอบที่สำคัญในการทำหนังแต่ละเรื่องอยู่แล้ว เพราะดนตรีนั้นจะเป็นตัวกำกับจังหวะหรืออามาณ์ของเรื่องในขณะที่ดำเนินอยู่ อีกทั้งยังต้องมีเพลงประกอบภาพยนต์ซึ่งหลากหลายเพลงทำออกมาได้ดีและโด่งดังไม่แพ้ภาพยนต์เรื่องนั้นๆ ในประเทศไทยเองก็มีหนังที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โหมโรง หรือ Succeed ห่วยขั้นเทพ ที่คอดนตรีทั้งหลายไม่น่าจะพลาดในการเข้าชม วันนี้ Musicarms ก็จะพาไปแนะนำภาพยนต์เกี่ยวกับดนตรี 10 เรื่องที่ต้องหามาดูเพราะทั้งบทหรือความประทับใจนั้นซึ่งจนต้องแบ่งปัน

School of Rock

หนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2003 โดยมีดาวตลกชื่อดังอย่าง แจ็ค แบล็ค รับบทดารานำเรียกเสียงฮาเป็น ดูอี้ ฟินน์ ไอ้หนุ่มคลั่งดนตรีร็อคตกงานที่โดนวงไล่ออก บังเอิญต้องไปเข้าไปสวมรอยสอนหนังสือแทนเพื่อนร่วมห้องอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนลูกผู้ดีสุดเนี้ยบที่เล่นดนตรีคลาสสิคกับคุณครูใหญ่ผู้เจ้ากี้เจ้าการ สุดท้ายก็ทนความร็อคในตัวไม่ไหว ต้องไปตั้งวงกับเด็กๆหลังจากที่เห็นพวกเด็กๆซ้อมดนตรีกับวงออเคสตร้ากันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้บรรดาแก๊งค์เด็กที่แสดงต่างมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดากันเลยเพราะคัดบทนักแสดงกันมาอย่างดี เจ้าหนุ่มดูอี้จะทำอย่างไรกับการปฏิวัติเด็กๆให้มาเป็นวงร็อครุ่นเยาว์สุดจี๊ด และจะฝ่าด่านพ่อแม่รวมไปถึงบรรดาคุณครูท่านอื่นอีกเช่นกัน หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างมากทั้งเรื่องการวางพล็อตและแง่ข้อคิดว่าพ่อแม่ไม่ควรบังคับลูกมากนัก บางครั้งเด็กๆก็ต้องการอิสระทางความคิด ทำให้เรื่องนี้ แจ็ค แบล็ค ได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจาก Golden Globe และหนังตลกยอดเยี่ยมจาก MTV Movie Award โดยโกยรายได้ไป 131.3 ล้านดอลลาร์

Raise your voice

หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 2004 โดยก่อนเข้าฉายนั้นโดนค่อนแคะไม่น้อยว่าเป็นหนังที่ทำเพื่อ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ ป็อปสตาร์สาวได้โชว์ตัวเท่านั้น แต่พอเข้าฉายจริงกลับเซอร์ไพร์สคนดูอย่างมาก เพราะนอกจากดัฟฟ์ที่โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าเธอไม่ได้มีดีแค่การร้องเพลงโดยตีบท เทอรี่ เฟล็ทเชอร์ นางเอกของเรื่องแตกกระจุยแล้ว พล็อตของเรื่องยังทำมาได้ซึ้งกินใจกับความฝันของสาวน้อยคนหนึ่งที่ต้องการจะเข้าเรียนโรงเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอสแองเจลิส เป้าหมายสุดท้ายคือการชิงทุนการศึกษาก้อนใหญ่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดมากมายไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีในสังคม, เรื่องปัญหาครอบครัวกับการต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน หรือปัญหาสีผิวที่พ่อแม่ชาวผิวดำหวังให้ลูกคว้าทุนการศึกษาแต่สังคมจากคนผิวขาวไม่ยอมรับ ตอนจบของเรื่องนี้ให้บทสรุปที่ค่อนข้างดี โกยรายได้ไป 14.6 ล้านเหรียญ ส่งผลให้คนรับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ และเพลงประกอบภาพยนต์อย่าง Someone watching over me ที่เธอร้องก็ติดลมบนในชาร์ตเพลงทั่วโลก

Image result for crossroads movie

Crossroads

ถ้าคุณเป็นมือกีต้าร์ต้องไม่พลาดเรื่องนี้อย่างแรง เพราะหนึ่งในดารานำในเรื่องนี้คือ สตีฟ วาย พ่อมดแห่งวงการกีต้าร์ โดยดารานำคือ ราล์ฟ มาคซิโอ้ จากเรื่องคาราเต้คิดส์ มารับบทเป็น ยูจีน เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ทางกีต้าร์เป็นเลิศ พ่อแม่จึงส่งไปเรียนกีตาร์คลาสสิคยังโรงเรียนอันดับหนึ่งในนิวยอร์ค  แต่เจ้าตัวหลงใหลในเพลงบลูส์จนหนีออกจากหอพักไปสู่ดินแดนต้นกำเนิดเพลงบลูส์ และหากินด้วยการเล่นกีต้าร์ร้องเพลงจนได้พบชายแก่เป็นเพื่อนนักดนตรีคู่ใจ ถึงทราบความจริงว่าจะเป็นสุดยอดมือกีต้าร์แห่งบลูส์ได้นั้นต้องขายวิญญาณให้กับซาตานเสียก่อน ชายแก่นั้นเคยขายวิญญาณมาแล้วและเบื่อชีวิตนักดนตรีอยากกลับไปเป็นคนธรรมดาจึงต้องดวลกีต้าร์เพื่อไถ่วิญญาณคืน โดยพระเอกขออาสาสู้แทนชายแก่เพื่อนของเขาซึ่งคู่ต่อกรก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ แจ็ค บัตเลอร์ ที่รับบทโดยสตีฟ วายนั่นเอง หนังเรื่องนี้อาจทำรายได้ไม่มากแค่ 5.8 ล้านเหรียญเพราะเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ฉากดวลกีต้าร์ในตอนจบรวมไปถึงเพลงบลูส์กว่า 30 เพลงที่ประกอบภาพยนต์เรื่องนี้กลับเป็นที่ฮือฮาจนถึงปัจจุบัน

Once

เข้าฉายเมื่อปี 2006 และโกยรายได้ไปถึง 23.3 ล้านเหรียญ สร้างความประทับใจไปทั่วโลกกับความรักของหนุ่มนักกีต้าร์ข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงที่ตัวเองแต่งจนมาพบกับนางเอกที่ชอบเล่นเปียโนแต่ไม่มีเป็นของตัวเองต้องไปขอเล่นที่ร้านดนตรี ทั้งคู่มาพบกันและได้รู้ถึงพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของแต่ละฝ่าย จึงต่างพยายามผลักดันให้อีกฝั่งประสบความสำเร็จในชีวิต เรื่องนี้เป็นหนังรักแนวอบอุ่นแต่แฝงด้วยดราม่าลึกซึ้ง นักแสดงก็ได้ กล็น แฮนซาร์ด นักร้องนำและมือกีตาร์วงร็อคไอริชชื่อดัง The Frames และ มาร์เกตา เออร์โกลว่า นักดนตรีหญิงชาวเชคชื่อดังรับบทพระ-นางซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมจนหลายคนต้องเสียน้ำตา ว่ากันว่าเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากชีวิตของ แฮนซาร์ด เอง นอกจากบทประพันธ์จะลงตัวแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ “Falling Slowly” ที่ร้องโดยพระเอกและนางเอกของเรื่องยังคว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Original Song รวมถึงรางวัลเอ็มไพร์ อวอร์ดกับซาวแทรคยอดเยี่ยมอีกเช่นเดียวกัน

Image result for 8 Mile movie

8 Mile

หนังเอาใจขาแร๊พฮิพฮ็อพด้วยการนำ Eminem แร๊พเปอร์ชื่อดังของโลกมารับบทพระเอกหนุ่ม “จิมมี่” ที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องแร๊พชื่อก้องโลก แต่เจ้ากรรมจิมมี่ดันเป็นคนผิวขาวซึ่งดนตรีแร๊พนั้นเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคนผิวดำไปแล้ว เจ้าหนุ่มจิมมี่เลยต้องพิสูจน์ตนเองว่าข้าก็ทำได้ คำว่า 8 Mile นั้นหมายถึงถนนที่ล้อมรอบเมืองดีทรอยท์โดยได้กลายเป็นเส้นแบ่งเขตแดนเมืองกับชานเมือง ระหว่างคนผิวดำและผิวขาว ซึ่งแน่นอนว่าปูมาขนาดนี้แล้วธีมของเรื่องก็ไม่พ้นการแบ่งแยกสีผิว แต่เรื่องนี้ยังสอดแทรกข้อคิดเรื่องการใช้ชีวิต, เพื่อน, และการไม่ย่อท้อต่อความฝันเข้ามา โดย Eminem นั้นแสดงได้สมบทบาทอย่างมากทั้งที่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่นอกจากจะฝากผลงานด้านการแสดงแล้ว ยังสามารถคว้าออสการ์รางวัลซาวด์แทร็คยอดเยี่ยมในเพลง “Lose Yourself”  เพลงแร็พที่เขาเป็นผู้ขับร้องเองอีกเช่นกัน เรื่องเข้าฉายเมื่อปี 2002 เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่ง Box Office ยอดรายได้สูงถึง 51.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 3 วันแรกที่เข้าฉาย และโดยรายได้ทั้งหมด 242.9 ล้านเหรียญ

Image result for Nana movie

Nana

หนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายเมื่อปี 2005 โดยมีเค้าโครงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกันมาก่อนจะทำภาพยนตร์ตัวเรื่องนั้นจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสองสาวที่มีนามว่า นานะ เหมือนกันแต่นิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว ตัวนักแสดงได้ มิกะ นากาชิมะ ศิลปินป็อปร็อคชื่อดังของประเทศมารับบท นานะ โอซากิ นางเอกคนแรกซึ่งในเรื่องเป็นนักดนตรีที่ต้องการทำตามความฝันเป็นศิลปินจึงยอมลงทุนมาจากบ้านนอก และ อาโออิ มิยาซากิ รับบทนานะโคมัทสึ สาวซื่อๆทีมาจากต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องมาพักที่อพาร์ทเมนต์เดียวกันจึงทำให้มิตรภาพระหว่างสองสาวเริ่มต้นขึ้นทั้งที่ไลฟ์สไตล์คนละแบบ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการประสบความสำเร็จด้านดนตรีเพราะนานะ โอซากิต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะเป็นนักร้องอาชีพและสอดแทรกเรื่องมิตรภาพระหว่างวงดนตรีรวมไปถึงความฝันของแต่ละคน ส่งผลให้โกยรายได้ไป 34.6 ล้านเหรียญและทำภาค 2 ออกมาอย่างต่อเนื่องในปี 2006 ตามกระแสเรียกร้อง

Amadeus

หนังอิงอัตชีวประวัติของ โมสาร์ท นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องผ่าน อันโตนิโอ ซาเลียรี่ (รับบทโดย เมอร์เรย์ อับบราฮัม) ที่ตามประวัติศาสตร์สนิทกับโมสาร์ท (รับบทโดย ทอม ฮัลซ์) แต่ในเรื่องนั้นวางบทซาเลียรี่เป็นตัวร้ายซึ่งอิจฉาพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้กับเพื่อนของเขา จึงต้องวางแผนขัดขวางไม่ให้โมสาร์ทรุ่งเรืองทางด้านดนตรี ซึ่งใครชอบดนตรีคลาสสิคหรือชื่นชอบโมสาร์ทรับรองว่าเต็มอิ่มไปกับเพลงของโมสาร์ทที่ใส่มาทั้งเรื่องรวมไปถึงประวัตินักดนตรีชื่อก้องโลกรายนี้ แม้ว่ารายได้จะค่อนข้างน้อยแค่ 52 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านฉากหรือเครื่องแต่งกายที่อลังการเพราะเป็นหนังแนวเฉพาะกลุ่ม แต่เรื่องนี้กลับกวาดไปถึง 8 รางวัลออสการ์ทั้งภาพยอดเยี่ยม มิกซ์เสียงยอดเยี่ยม, ดารานำชายยอดเยี่ยม, คอสตูมยอดเยี่ยม และอื่นๆ จึงเป็นการการันตีคุณภาพของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่าเจ๋งแค่ไหน หนังค่อนข้างเก่าพอสมควรเพราะเข้าฉายเมื่อปี 1984 แต่หากใครจะหามาดูในปัจจุบันยังพอหาได้ ทั้งฉากและดนตรีแสนอลังการสมกับ 8 รางวัลออสการ์จริงๆ

Image result for The Phantom of the Opera

The Phantom of the Opera

สุดยอดวรรณกรรมคลาสสิคที่นำมาฉายเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้งรวมไปถึงการนำมาทำเป็นละครเวที เนื้อเรื่องหลักคือการที่เจ้าแพนท่อมหลงรัก คริสทีน นักร้องโอเปร่าสาวและได้สอนเธอร้องเพลงจนคริสตินร้องเพลงเก่ง แต่คริสตินรักกับราอูลเจ้าของโรงละคร แพนท่อมรู้เข้าจึงไม่พอใจและลักพาตัวเธอมาเป็นของตนเอง ปีล่าสุดที่ทำเป็นภาพยนต์คือปี 2004 รับบทโดย เจอร์ราร์ด บัทเลอร์ แสดงเป็นแพนท่อม และ เอมมี่ รอสซัม นักร้องโอเปร่าสาวจากอเมริกาแสดงเป็นคริสตีน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นแบบมิวสิคคัลคือต้องร้องเพลงเรื่อยๆแทบทุกฉากในการแสดงทำให้ผู้รับบทคริสทีนต้องคัดเอานักร้องโอเปร่าระดับแนวหน้ามาเล่น รวมไปถึงการใช้วงออเคสตร้าวงใหญ่มาเล่นเพลงประกอบ เรื่องนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Art Direction และ Best Original Song โดยภาคล่าสุดเมื่อปี 2004 นั้นสามารถโทำรายได้ถึง 154.6 ล้านเหรียญกันเลยทีเดียว

Image result for begin again เรื่องย่อ

Begin Again

ภาพยนตร์ที่เข้าฉายไม่นานเมื่อปี 2013 โดยพล็อตเรื่องคือชีวิตของคนสองคนที่กำลังจะพังทลาย โดยฝ่ายชายเป็นโปรดิวเซอร์ที่ล้มเหลวในชีวิตรับบทโดย มาร์ค รัฟฟาโล ได้มาตกหลุมรักกับนักร้องสาวที่กำลังผิดหวังในความรักและจะล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักร้องรับบทโดย เคียร่า ไนท์ลี่ย์ เสียงดนตรีจึงเป็นเครื่องเยียวยาทั้งสองให้กัลบมาเริ่มต้นอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ศิลปินดังอย่าง อดัม เลอวีน มาเล่นเป็น เดฟ โคห์ล นักดนตรีแฟนหนุ่มของนางเอกและยังรับจ็อบร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Lost Star เรื่องนี้กล่าวถึงพลังแห่งดนตรีที่ช่วยชุบชีวิตคนสองคนที่กำลังหลงทางให้เข้ารูปเข้ารอย แฝงข้อคิดด้านการใช้ชีวิตและความฝันทำให้เรื่องนี้ติดลมบนในเมืองไทยภายในเวลาอันรวดเร็ว ดีกรีผลงานจากผู้กำกับเรื่อง Once ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากนี้เพลง Lost Star ยังรางวัลออสการ์ในสาขา Best Original Song โดยตัวหนังสามารถทำรายได้ถึง 63.5 ล้านเหรียญ

Image result for Moulin Rouge

Moulin Rouge

ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 สาขา และได้รับรางวัลสองสาขา จากการออกแบบเครื่องแต่งกาย และการออกแบบฉากเข้าฉายเมื่อปี 2001 โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงคริสเตียน (อีวาน แม็คเกรเกอร์) ชายหนุ่มนักเขียนที่เดินทางมายังกรุงปารีสจนเจอ มูแลง รูจ ไนท์คลับที่ชายหลายคนถวิลหา และพบรักกับ ซาทีน (นิโคล คิดแมน) นักเต้นของคลับแห่งนี้ แต่เธอนั้นเป็นเป้าหมายของท่านดุค ผู้มีพระคุณต่อผับมูแลง รูจ ความรักอันตรายจะจบลงอย่างไร เรื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในด้านดนตรีประกอบเพราะใช้เพลงจากศิลปินดังๆไม่ว่าจะเป็น วงควีน, มาดอนน่า หรือ คริสติน่า อีกีเลร่า ซึ่งการที่ภาพยนตร์ใช้เพลงฮิตจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเกือบสองปีในการติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ผลตอบแทนถือว่าคุ้มค่าเพราะโกยรายได้ไปถึง 179.2 ล้านเหรียญ สองรางวัลออสการ์ และสามรางวัลลูกโลกทองคำ

9 วงอัลเทอร์เนทีฟไทยสมัยยุครุ่งเรือง

เนื่องจากวันเสาร์ที่ 18 มีนาคมนี้จะมีคอนเสิร์ต Moderndog22 ที่ฉลองครบรอบ 22 ปีวงโมเดิร์นด็อก ตำนานวงร็อคยุคอัลเทอร์เนทีฟของไทยเมื่อช่วงปี 90′ ซึ่งขณะนั้นถือเป็นยุคทองของวงร็อคหน้าใหม่ในบ้านเราอย่างแท้จริงที่ออกเพลงมาแบบไม่ง้อค่ายยักษ์ใหญ่และแจ้งเกิดกันได้หลายวง เชื่อว่าคนยุค 90′ หลายคนคงไม่พลาดที่จะไปร่วมคอนเสิร์ตนี้อย่างแน่นอน แต่วันนี้ทาง Musicarms จะขอมาเรียกน้ำย่อยก่อนด้วยการพาไปรำลึกความหลังกับ 9 วงอัลเทอร์เนทีฟที่โด่งดังในขณะนั้น

 

Smile Buffalo

เจ้าของเพลงดังอย่าง”ดีเกินไป”ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ปล่อยเพลงแรกมาก็ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตเพลงตามคลื่นวิทยุอย่างรวดเร็วจนต้องไปแก้บนเล่นคอนเสิร์ตกลางสี่แยกราชประสงค์เพราะบนกับพระพรหมเอราวัณไว้ว่าถ้าขายได้เกินแสนตลับจะมาเล่นคอนเสิร์ตให้ท่านฟัง วงนี้ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ เต็น (กีต้าร์), ดิษ (เบส,ร้องนำ), หนึ่ง (คีย์บอร์ด) และเชษฐ์ (กลอง) หลังจากซิงเกิ้ลแรกดังเปรี้ยงแล้วก็สามารถสานความต่อเนื่องจนค่ายยักษ์อย่างแกรมมี่ต้องดึงตัวไปเข้าสังกัดและได้รางวัลสีสันอวอร์ดในฐานะศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมเมื่อปี 2542 ปัจจุบันแยกย้ายกันไปตามเส้นทางส่วนตัวเช่น เชษฐ์ ที่ออกไปทำเกษตรส่วนตัว แต่บางคนอย่างดิษยังเห็นหน้าในวงการซึ่งล่าสุดก็ไปเป็นแบ็คอัพให้กับ เสก โลโซ

 

Paradox

คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดีกับวงร็อคเอนเตอร์เทนวงนี้เพราะยังมีผลงานมาจนถึงปัจจุบัน Paradox ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ ต้าร์ (ร้องนำ,กีต้าร์), บิ๊ก (กีต้าร์), สอง (เบส) และ โจอี้ (กลอง) รวมตัวกันเนื่องจากเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยชื่อเดิมของวงคือ”หอยจ๊อ” ออกมาในยุคอัลเทอร์เนทีฟกับค่ายอีสเทิร์นสกาย เร็คคอร์ดโดยมีเพลงดังอย่าง”นักมายากล”ทำให้คนรู้จักด้วยแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ จนค่ายยักษ์ใหญ่ย่านอโศกต้องดึงตัวเข้าสู่สังกัดจีนี่เร็คคอร์ดและได้ทำเพลงเพิ่มอีก 6 อัลบั้มมาจนถึงปัจจุบันและได้รับคำชมว่าเป็นวงดนตรีที่เล่นสดได้มันส์โดยมีตำแหน่งว้ากเกอร์และโจ๊กเกอร์อีกด้วย ผลงานเพลงตอนอยู่จีนี่ที่โด่งดังก็มี ฤดูร้อน หรือ น้องเปิ้ล ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมๆเหมือนอัลบั้มแรก

 

Big Ass

วงร็อคแถวหน้าในปัจจุบันอบ่างบิ๊กแอสก็ใช้ช่วงเวลาเฟื่องฟูของยุคอัลเทอร์เนทีฟเป็นช่วงแจ้งเกิด โดยขณะนั้นนักร้องนำยังคงเป็น แด๊ก และสมาชิกที่เหลืออีก 4 คนคือ อ็อฟ (กีต้าร์), หมู (กีต้าร์), ต้น (เบส) และ กบ (กลอง) ภายใต้สังกัดมิวสิคบัคส์ซึ่งอัลบั้มแรกวางแผงปี 2540 หรือช่วงท้ายของยุคอัลเทอร์เนทีฟในชื่ออัลบั้ม Not Bad กับซิงเกิ้ลดังๆอย่าง”ทางผ่าน” ที่ยังคงดังมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าล่าสุดจะยังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องแต่แฟนบิ๊กแอสรุ่นเก่าคงเสียดายไม่น้อยเมื่อ แด๊ก ต้องแยกทางกับวงไปออกกับวงร็อคไรเดอร์ และวงได้ เจ๋ง นักร้องนำคนใหม่มาแทน อีกคนที่ต้องออกจากวงไปคือต้นมือเบสที่ได้และได้โอ๊คมาแทน หลังจากยุคอัลเทอร์ฯแล้ววงบิ๊กแอสก็ได้มีอัลบั้มเพิ่มมาอีก 6 อัลบั้มภายใต้สังกัดจีนี่เร็คเคอร์ดในเครือแกรมมี่

 

ซีเปีย

วงนี้มีแต่เดิมสมาชิกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นคือ โอ๋ เจษฎา สุขทรามร และ ปาเดย์ ภานุ กันตะบุตร ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยปล่อยซิงเกิ้ลเพลงดังที่หลายคนต้องเคยได้ยินอย่าง”เกลียดตุ๊ด”มาในปี 2537 ซึ่งบทเพลงในอัลบั้มจะเป็นแนวเสียดสีสังคมทำให้ดูแปลกใหม่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ไว แต่เนื่องจากเป็นแนวเพลงเฉพาะกลุ่มเกินไปทำให้ยอดขายไม่ดีนัก แม้ว่าจะโดนค่ายเบเกอรี่ มิวสิคดึงตัวไปก็ไม่อาจแจ้งเกิดได้จนต้องแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง ซึ่งโอ๋ได้ไปอยู่กับวงดูบาดูจนโด่งดังในนาม “โอ๋ดูบาดู” ส่วนปาเดย์ได้ไปเล่นเบสให้กับวงทีโบน ทำให้เส้นทางหลังจากช่วงอัลเทอร์เนทีฟนั้นคนฟังหลายคนรู้จักชื่อเสียงของทั้งสองคนมากกว่าสมัยอยู่วงซีเปียที่รู้จักแค่ชื่อเพลงเท่านั้น

 

อะลาดิน

วงร็อคอัลเทอร์เนทีฟที่ผสานแนวเพลงฮิพฮอพเข้ามาด้วย วงนี้ประกอบด้วยสมาชิก 5 คนคือ ยุฟ (ร้องนำ), เอ็ด (ร้องนำ), เอ็ม (กีต้าร์), มัด (เบส) ปล่อยเพลง”นางมารร้าย”มาในปี 2541 ด้วยท่อนแร๊พสุดเฟี้ยวฟ้าวเข้ากับดนตรีร็อคในสไตล์ตนเองจนดังเปรี้ยงภายในเวลาอันไม่นาน โดยเพลงอื่นๆในอัลบั้มอย่างศรีทนหรือ In Pub ต่างก็เป็นการผสานดนตรีสองแนวนี้ทั้งสิ้น จนได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ดในปี 2452 น่าเสียดายที่ค่ายทรีมิวสิคของพวกเขาในขณะนั้นเป็นค่ายเล็กและไม่ได้ดันต่อ ทำให้ชื่อของอะลาดินค่อยๆเงียบหายไป ที่พอเห็นหน้าค่าตากันบ้างก็สมาชิกอย่าง แสบ ไปร่วมวงแฮงค์แมนในฐานะมือกลองเท่านั้น

 

พราว

วงดนตรีจากเด็กหนุ่มคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่รวมตัวกัน 4 คน ประกอบด้วย เล็ก (ร้องนำ/กีต้าร์), เจ (กีต้าร์), แจ็ค(กีต้าร์) และ พิซซ่า (เบส) จับมือร่วมกัยภายใต้ชื่อ “วงครับ” ได้ลองทำซิงเกิ้ลขึ้นมา 6 เพลงและส่งให้กับ ยุทธนา บุญอ้อมซึ่งขณะนั้นเป็นดีเจที่คลื่นฮอตเวฟช่วยเปิดให้ โดยเพลงเหรียญสลึง และ Sleepless ได้รับความนิยมในกลุ่มแนวอินดี้พอสมควรจึงได้เซ็นสัญญากับค่ายอีสเทิร์นสกายซึ่งเป็นค่ายเพลงอัลเทอร์เนทีฟในขณะนั้นทำขึ้นมาอีก 4 เพลงให้ครบ 10 เพื่อที่จะวางขายอัลบั้มได้ โดยมีเพลงดังอย่าง “เธอคือความฝัน” ที่แต่งเพิ่มขึ้นมาและเป็นที่รู้จักในหมู่คนฟัง ปัจจุบันวงพราวต่างแยกย้ายไปทำงานส่วนตัวกันหมดเรียบร้อย

 

บาร์บี้ส์

เจ้าของเพลง”ตากลมๆ”ที่วัยรุ่นยุค 90 ต่างร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยวงนี้มีสมาชิก 5 คนคือ แพท (กีต้าร์),กบ (กีต้าร์),ซิก (เบส),ต้า (ร้องนำ)และซิ่ว (กลอง) ซึ่งแพทนั้นเริ่มจากเป็นเด็กฝึกงานที่ค่ายดนตรี Warner Music ก่อนที่ทางค่ายจะเห็นแววชวนทำเพลงจึงได้รวบรวมเพื่อนสนิทอีก 4 คนที่เหลือเริ่มทำวงบาร์บี้ส์ โดยคอนเซปต์ของวงคือแนวดนตรีแบบซาวด์สังเคราะห์ผสมร็อคซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นของแปลกใหม่และด้วยชื่อของวงทำให้หลายครั้งขึ้นคอนเสิร์ตในชุดผู้หญิงจึงได้กระแสในหมู่วัยรุ่นค่อนข้างดี วงบาร์บี้ส์เคยถึงจุดสูงสุดด้วยการเล่นเป็นวงเปิดให้กับวง Greenday ตอนมาทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองไทยมาแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามกาลเวลาซึ่งเราอาจได้เห็นต้าร์ นักร้องนำแสดงหนังอยู่บ่อยครั้ง

 

Nursery Sound

วงดนตรีที่โดดเด่นในเรื่องของเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ บัติ สมบัติ พิทักษ์สินธุ์ นักร้องนำของวง จนท่อนฮุค “ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีบๆๆออกไปหา” ของเพลง “หวาน” ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองและสามารถขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตวิทยุได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว น่าเสียดายที่ค่าย Lepso Revolution ที่พวกเขาในเวลานั้นเป็นแค่ค่ายเล็กๆและปิดตัวลงในเวลาต่อมา ทำให้บัติและเพื่อนร่วมวงอีก 4 คนคือ ศิลป์, วุธ, อาไก่ และสาร ต้องกระจัดกระจายกันไป โดยทิ้งเพลงอย่าง”หวาน”, “คนผ่านทาง” และ”อากาศดีๆ”ให้กับวงการดนตรีไทย ตัวบัติเองก็ได้มีโอกาสออกเทปกับค่ายแกรมมี่ในชื่อ “Cutton บัติ” แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนตอนรวมวง

 

Modern Dog

เปิดตัวกับเพลงบุษบาได้อย่างสวยงามด้วยแนวดนตรีแปลกใหม่ในสมัยนั้น ทำให้สามหนุ่ม ป๊อด ธนชัย, เมธี และ ปวิณ โด่งดังเป็นพลุแตกในทันที โมเดิร์นด็อกเริ่มมาจาการประกวดดนตรีโค้กมิวสิคอวอร์ดและชนะวงสมายบัฟฟาโลได้อันดับ 1 มาครองจึงถูกค่ายเบเกอรี่มิวสิคค่ายเพลงน้องใหม่ในขณะนั้นจับเซ็นสัญญา ซึ่งแค่เพลงเปิดตัวก็ทำได้อย่างสวยงามต่อยอดด้วยเพลง”ก่อน” เพลงช้าที่มีเนื้อหากินใจ ทำให้วงโมเดิร์นด็อกกลายเป็นศิลปินซิกเนเจอร์ของยุคอัลเทอร์เนทีฟไปโดยปริยาย ซึ่งก็ได้ออกอัมบั้มทั้งหมด 5 ชุด ก่อนจะหายจากวงการไปถึง 5 ปีเพื่อสะสมประสบการณ์ด้วยการร่วมแจมกับศิลปินอื่นๆซึ่งเราจะได้เห็นพี่ป๊อดร้องแจมบ่อยครั้ง จนล่าสุดกลับมารวมวงกันอีกครั้งเพื่อมีคอนเสิร์ต Moderndog22 เพื่อฉลองครบรอบ 22 ปีของวง Moderndog