10 หนังเกี่ยวกับดนตรีที่ต้องหามาดู !!!

ดนตรีเป็นสิ่งประกอบที่สำคัญในการทำหนังแต่ละเรื่องอยู่แล้ว เพราะดนตรีนั้นจะเป็นตัวกำกับจังหวะหรืออามาณ์ของเรื่องในขณะที่ดำเนินอยู่ อีกทั้งยังต้องมีเพลงประกอบภาพยนต์ซึ่งหลากหลายเพลงทำออกมาได้ดีและโด่งดังไม่แพ้ภาพยนต์เรื่องนั้นๆ ในประเทศไทยเองก็มีหนังที่เกี่ยวกับดนตรีอยู่มากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่อง โหมโรง หรือ Succeed ห่วยขั้นเทพ ที่คอดนตรีทั้งหลายไม่น่าจะพลาดในการเข้าชม วันนี้ Musicarms ก็จะพาไปแนะนำภาพยนต์เกี่ยวกับดนตรี 10 เรื่องที่ต้องหามาดูเพราะทั้งบทหรือความประทับใจนั้นซึ่งจนต้องแบ่งปัน

School of Rock

หนังที่เข้าฉายเมื่อปี 2003 โดยมีดาวตลกชื่อดังอย่าง แจ็ค แบล็ค รับบทดารานำเรียกเสียงฮาเป็น ดูอี้ ฟินน์ ไอ้หนุ่มคลั่งดนตรีร็อคตกงานที่โดนวงไล่ออก บังเอิญต้องไปเข้าไปสวมรอยสอนหนังสือแทนเพื่อนร่วมห้องอพาร์ทเมนต์ ซึ่งเป็นโรงเรียนลูกผู้ดีสุดเนี้ยบที่เล่นดนตรีคลาสสิคกับคุณครูใหญ่ผู้เจ้ากี้เจ้าการ สุดท้ายก็ทนความร็อคในตัวไม่ไหว ต้องไปตั้งวงกับเด็กๆหลังจากที่เห็นพวกเด็กๆซ้อมดนตรีกับวงออเคสตร้ากันอยู่ ซึ่งเรื่องนี้บรรดาแก๊งค์เด็กที่แสดงต่างมีฝีไม้ลายมือที่ไม่ธรรมดากันเลยเพราะคัดบทนักแสดงกันมาอย่างดี เจ้าหนุ่มดูอี้จะทำอย่างไรกับการปฏิวัติเด็กๆให้มาเป็นวงร็อครุ่นเยาว์สุดจี๊ด และจะฝ่าด่านพ่อแม่รวมไปถึงบรรดาคุณครูท่านอื่นอีกเช่นกัน หนังเรื่องนี้ได้รับคำชมอย่างมากทั้งเรื่องการวางพล็อตและแง่ข้อคิดว่าพ่อแม่ไม่ควรบังคับลูกมากนัก บางครั้งเด็กๆก็ต้องการอิสระทางความคิด ทำให้เรื่องนี้ แจ็ค แบล็ค ได้รับรางวัลดารานำชายยอดเยี่ยมจาก Golden Globe และหนังตลกยอดเยี่ยมจาก MTV Movie Award โดยโกยรายได้ไป 131.3 ล้านดอลลาร์

Raise your voice

หนังเรื่องนี้เข้าฉายเมื่อปี 2004 โดยก่อนเข้าฉายนั้นโดนค่อนแคะไม่น้อยว่าเป็นหนังที่ทำเพื่อ ฮิลารี่ ดัฟฟ์ ป็อปสตาร์สาวได้โชว์ตัวเท่านั้น แต่พอเข้าฉายจริงกลับเซอร์ไพร์สคนดูอย่างมาก เพราะนอกจากดัฟฟ์ที่โชว์ให้คนทั่วโลกเห็นว่าเธอไม่ได้มีดีแค่การร้องเพลงโดยตีบท เทอรี่ เฟล็ทเชอร์ นางเอกของเรื่องแตกกระจุยแล้ว พล็อตของเรื่องยังทำมาได้ซึ้งกินใจกับความฝันของสาวน้อยคนหนึ่งที่ต้องการจะเข้าเรียนโรงเรียนดนตรีที่มีชื่อเสียงที่สุดในลอสแองเจลิส เป้าหมายสุดท้ายคือการชิงทุนการศึกษาก้อนใหญ่ที่ทางโรงเรียนจัดขึ้น เรื่องนี้แฝงไปด้วยข้อคิดมากมายไม่ว่าจะเป็นการแก่งแย่งชิงดีในสังคม, เรื่องปัญหาครอบครัวกับการต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ยอมแพ้ต่อความฝัน หรือปัญหาสีผิวที่พ่อแม่ชาวผิวดำหวังให้ลูกคว้าทุนการศึกษาแต่สังคมจากคนผิวขาวไม่ยอมรับ ตอนจบของเรื่องนี้ให้บทสรุปที่ค่อนข้างดี โกยรายได้ไป 14.6 ล้านเหรียญ ส่งผลให้คนรับรู้ถึงพรสวรรค์ด้านการแสดงของ ฮิลลารี่ ดัฟฟ์ และเพลงประกอบภาพยนต์อย่าง Someone watching over me ที่เธอร้องก็ติดลมบนในชาร์ตเพลงทั่วโลก

Image result for crossroads movie

Crossroads

ถ้าคุณเป็นมือกีต้าร์ต้องไม่พลาดเรื่องนี้อย่างแรง เพราะหนึ่งในดารานำในเรื่องนี้คือ สตีฟ วาย พ่อมดแห่งวงการกีต้าร์ โดยดารานำคือ ราล์ฟ มาคซิโอ้ จากเรื่องคาราเต้คิดส์ มารับบทเป็น ยูจีน เด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ทางกีต้าร์เป็นเลิศ พ่อแม่จึงส่งไปเรียนกีตาร์คลาสสิคยังโรงเรียนอันดับหนึ่งในนิวยอร์ค  แต่เจ้าตัวหลงใหลในเพลงบลูส์จนหนีออกจากหอพักไปสู่ดินแดนต้นกำเนิดเพลงบลูส์ และหากินด้วยการเล่นกีต้าร์ร้องเพลงจนได้พบชายแก่เป็นเพื่อนนักดนตรีคู่ใจ ถึงทราบความจริงว่าจะเป็นสุดยอดมือกีต้าร์แห่งบลูส์ได้นั้นต้องขายวิญญาณให้กับซาตานเสียก่อน ชายแก่นั้นเคยขายวิญญาณมาแล้วและเบื่อชีวิตนักดนตรีอยากกลับไปเป็นคนธรรมดาจึงต้องดวลกีต้าร์เพื่อไถ่วิญญาณคืน โดยพระเอกขออาสาสู้แทนชายแก่เพื่อนของเขาซึ่งคู่ต่อกรก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเขาคือ แจ็ค บัตเลอร์ ที่รับบทโดยสตีฟ วายนั่นเอง หนังเรื่องนี้อาจทำรายได้ไม่มากแค่ 5.8 ล้านเหรียญเพราะเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ฉากดวลกีต้าร์ในตอนจบรวมไปถึงเพลงบลูส์กว่า 30 เพลงที่ประกอบภาพยนต์เรื่องนี้กลับเป็นที่ฮือฮาจนถึงปัจจุบัน

Once

เข้าฉายเมื่อปี 2006 และโกยรายได้ไปถึง 23.3 ล้านเหรียญ สร้างความประทับใจไปทั่วโลกกับความรักของหนุ่มนักกีต้าร์ข้างถนนที่ไม่กล้าร้องเพลงที่ตัวเองแต่งจนมาพบกับนางเอกที่ชอบเล่นเปียโนแต่ไม่มีเป็นของตัวเองต้องไปขอเล่นที่ร้านดนตรี ทั้งคู่มาพบกันและได้รู้ถึงพรสวรรค์ทางด้านดนตรีของแต่ละฝ่าย จึงต่างพยายามผลักดันให้อีกฝั่งประสบความสำเร็จในชีวิต เรื่องนี้เป็นหนังรักแนวอบอุ่นแต่แฝงด้วยดราม่าลึกซึ้ง นักแสดงก็ได้ กล็น แฮนซาร์ด นักร้องนำและมือกีตาร์วงร็อคไอริชชื่อดัง The Frames และ มาร์เกตา เออร์โกลว่า นักดนตรีหญิงชาวเชคชื่อดังรับบทพระ-นางซึ่งทำได้ยอดเยี่ยมจนหลายคนต้องเสียน้ำตา ว่ากันว่าเรื่องนี้มีเค้าโครงมาจากชีวิตของ แฮนซาร์ด เอง นอกจากบทประพันธ์จะลงตัวแล้ว เพลงประกอบภาพยนตร์ “Falling Slowly” ที่ร้องโดยพระเอกและนางเอกของเรื่องยังคว้ารางวัลออสการ์สาขา Best Original Song รวมถึงรางวัลเอ็มไพร์ อวอร์ดกับซาวแทรคยอดเยี่ยมอีกเช่นเดียวกัน

Image result for 8 Mile movie

8 Mile

หนังเอาใจขาแร๊พฮิพฮ็อพด้วยการนำ Eminem แร๊พเปอร์ชื่อดังของโลกมารับบทพระเอกหนุ่ม “จิมมี่” ที่มีความฝันอยากเป็นนักร้องแร๊พชื่อก้องโลก แต่เจ้ากรรมจิมมี่ดันเป็นคนผิวขาวซึ่งดนตรีแร๊พนั้นเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของคนผิวดำไปแล้ว เจ้าหนุ่มจิมมี่เลยต้องพิสูจน์ตนเองว่าข้าก็ทำได้ คำว่า 8 Mile นั้นหมายถึงถนนที่ล้อมรอบเมืองดีทรอยท์โดยได้กลายเป็นเส้นแบ่งเขตแดนเมืองกับชานเมือง ระหว่างคนผิวดำและผิวขาว ซึ่งแน่นอนว่าปูมาขนาดนี้แล้วธีมของเรื่องก็ไม่พ้นการแบ่งแยกสีผิว แต่เรื่องนี้ยังสอดแทรกข้อคิดเรื่องการใช้ชีวิต, เพื่อน, และการไม่ย่อท้อต่อความฝันเข้ามา โดย Eminem นั้นแสดงได้สมบทบาทอย่างมากทั้งที่เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาที่นอกจากจะฝากผลงานด้านการแสดงแล้ว ยังสามารถคว้าออสการ์รางวัลซาวด์แทร็คยอดเยี่ยมในเพลง “Lose Yourself”  เพลงแร็พที่เขาเป็นผู้ขับร้องเองอีกเช่นกัน เรื่องเข้าฉายเมื่อปี 2002 เปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่ง Box Office ยอดรายได้สูงถึง 51.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ใน 3 วันแรกที่เข้าฉาย และโดยรายได้ทั้งหมด 242.9 ล้านเหรียญ

Image result for Nana movie

Nana

หนังญี่ปุ่นที่เข้าฉายเมื่อปี 2005 โดยมีเค้าโครงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นชื่อเดียวกันมาก่อนจะทำภาพยนตร์ตัวเรื่องนั้นจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของสองสาวที่มีนามว่า นานะ เหมือนกันแต่นิสัยแตกต่างกันสุดขั้ว ตัวนักแสดงได้ มิกะ นากาชิมะ ศิลปินป็อปร็อคชื่อดังของประเทศมารับบท นานะ โอซากิ นางเอกคนแรกซึ่งในเรื่องเป็นนักดนตรีที่ต้องการทำตามความฝันเป็นศิลปินจึงยอมลงทุนมาจากบ้านนอก และ อาโออิ มิยาซากิ รับบทนานะโคมัทสึ สาวซื่อๆทีมาจากต่างจังหวัดเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต้องมาพักที่อพาร์ทเมนต์เดียวกันจึงทำให้มิตรภาพระหว่างสองสาวเริ่มต้นขึ้นทั้งที่ไลฟ์สไตล์คนละแบบ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความยากลำบากในการประสบความสำเร็จด้านดนตรีเพราะนานะ โอซากิต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อจะเป็นนักร้องอาชีพและสอดแทรกเรื่องมิตรภาพระหว่างวงดนตรีรวมไปถึงความฝันของแต่ละคน ส่งผลให้โกยรายได้ไป 34.6 ล้านเหรียญและทำภาค 2 ออกมาอย่างต่อเนื่องในปี 2006 ตามกระแสเรียกร้อง

Amadeus

หนังอิงอัตชีวประวัติของ โมสาร์ท นักดนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ โดยใช้วิธีเล่าเรื่องผ่าน อันโตนิโอ ซาเลียรี่ (รับบทโดย เมอร์เรย์ อับบราฮัม) ที่ตามประวัติศาสตร์สนิทกับโมสาร์ท (รับบทโดย ทอม ฮัลซ์) แต่ในเรื่องนั้นวางบทซาเลียรี่เป็นตัวร้ายซึ่งอิจฉาพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานมาให้กับเพื่อนของเขา จึงต้องวางแผนขัดขวางไม่ให้โมสาร์ทรุ่งเรืองทางด้านดนตรี ซึ่งใครชอบดนตรีคลาสสิคหรือชื่นชอบโมสาร์ทรับรองว่าเต็มอิ่มไปกับเพลงของโมสาร์ทที่ใส่มาทั้งเรื่องรวมไปถึงประวัตินักดนตรีชื่อก้องโลกรายนี้ แม้ว่ารายได้จะค่อนข้างน้อยแค่ 52 ล้านเหรียญเมื่อเทียบกับการลงทุนด้านฉากหรือเครื่องแต่งกายที่อลังการเพราะเป็นหนังแนวเฉพาะกลุ่ม แต่เรื่องนี้กลับกวาดไปถึง 8 รางวัลออสการ์ทั้งภาพยอดเยี่ยม มิกซ์เสียงยอดเยี่ยม, ดารานำชายยอดเยี่ยม, คอสตูมยอดเยี่ยม และอื่นๆ จึงเป็นการการันตีคุณภาพของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดีว่าเจ๋งแค่ไหน หนังค่อนข้างเก่าพอสมควรเพราะเข้าฉายเมื่อปี 1984 แต่หากใครจะหามาดูในปัจจุบันยังพอหาได้ ทั้งฉากและดนตรีแสนอลังการสมกับ 8 รางวัลออสการ์จริงๆ

Image result for The Phantom of the Opera

The Phantom of the Opera

สุดยอดวรรณกรรมคลาสสิคที่นำมาฉายเป็นภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้งรวมไปถึงการนำมาทำเป็นละครเวที เนื้อเรื่องหลักคือการที่เจ้าแพนท่อมหลงรัก คริสทีน นักร้องโอเปร่าสาวและได้สอนเธอร้องเพลงจนคริสตินร้องเพลงเก่ง แต่คริสตินรักกับราอูลเจ้าของโรงละคร แพนท่อมรู้เข้าจึงไม่พอใจและลักพาตัวเธอมาเป็นของตนเอง ปีล่าสุดที่ทำเป็นภาพยนต์คือปี 2004 รับบทโดย เจอร์ราร์ด บัทเลอร์ แสดงเป็นแพนท่อม และ เอมมี่ รอสซัม นักร้องโอเปร่าสาวจากอเมริกาแสดงเป็นคริสตีน เนื่องจากเรื่องนี้เป็นแบบมิวสิคคัลคือต้องร้องเพลงเรื่อยๆแทบทุกฉากในการแสดงทำให้ผู้รับบทคริสทีนต้องคัดเอานักร้องโอเปร่าระดับแนวหน้ามาเล่น รวมไปถึงการใช้วงออเคสตร้าวงใหญ่มาเล่นเพลงประกอบ เรื่องนี้เข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา Best Art Direction และ Best Original Song โดยภาคล่าสุดเมื่อปี 2004 นั้นสามารถโทำรายได้ถึง 154.6 ล้านเหรียญกันเลยทีเดียว

Image result for begin again เรื่องย่อ

Begin Again

ภาพยนตร์ที่เข้าฉายไม่นานเมื่อปี 2013 โดยพล็อตเรื่องคือชีวิตของคนสองคนที่กำลังจะพังทลาย โดยฝ่ายชายเป็นโปรดิวเซอร์ที่ล้มเหลวในชีวิตรับบทโดย มาร์ค รัฟฟาโล ได้มาตกหลุมรักกับนักร้องสาวที่กำลังผิดหวังในความรักและจะล้มเลิกความฝันที่จะเป็นนักร้องรับบทโดย เคียร่า ไนท์ลี่ย์ เสียงดนตรีจึงเป็นเครื่องเยียวยาทั้งสองให้กัลบมาเริ่มต้นอีกครั้ง นอกจากนี้ยังได้ศิลปินดังอย่าง อดัม เลอวีน มาเล่นเป็น เดฟ โคห์ล นักดนตรีแฟนหนุ่มของนางเอกและยังรับจ็อบร้องเพลงประกอบภาพยนต์ Lost Star เรื่องนี้กล่าวถึงพลังแห่งดนตรีที่ช่วยชุบชีวิตคนสองคนที่กำลังหลงทางให้เข้ารูปเข้ารอย แฝงข้อคิดด้านการใช้ชีวิตและความฝันทำให้เรื่องนี้ติดลมบนในเมืองไทยภายในเวลาอันรวดเร็ว ดีกรีผลงานจากผู้กำกับเรื่อง Once ไม่ทำให้ผิดหวัง นอกจากนี้เพลง Lost Star ยังรางวัลออสการ์ในสาขา Best Original Song โดยตัวหนังสามารถทำรายได้ถึง 63.5 ล้านเหรียญ

Image result for Moulin Rouge

Moulin Rouge

ภาพยนตร์ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 8 สาขา และได้รับรางวัลสองสาขา จากการออกแบบเครื่องแต่งกาย และการออกแบบฉากเข้าฉายเมื่อปี 2001 โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึงคริสเตียน (อีวาน แม็คเกรเกอร์) ชายหนุ่มนักเขียนที่เดินทางมายังกรุงปารีสจนเจอ มูแลง รูจ ไนท์คลับที่ชายหลายคนถวิลหา และพบรักกับ ซาทีน (นิโคล คิดแมน) นักเต้นของคลับแห่งนี้ แต่เธอนั้นเป็นเป้าหมายของท่านดุค ผู้มีพระคุณต่อผับมูแลง รูจ ความรักอันตรายจะจบลงอย่างไร เรื่องนี้โดดเด่นอย่างมากในด้านดนตรีประกอบเพราะใช้เพลงจากศิลปินดังๆไม่ว่าจะเป็น วงควีน, มาดอนน่า หรือ คริสติน่า อีกีเลร่า ซึ่งการที่ภาพยนตร์ใช้เพลงฮิตจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้เวลาเกือบสองปีในการติดต่อเรื่องลิขสิทธิ์ แต่ผลตอบแทนถือว่าคุ้มค่าเพราะโกยรายได้ไปถึง 179.2 ล้านเหรียญ สองรางวัลออสการ์ และสามรางวัลลูกโลกทองคำ

9 วงอัลเทอร์เนทีฟไทยสมัยยุครุ่งเรือง

เนื่องจากวันเสาร์ที่ 18 มีนาคมนี้จะมีคอนเสิร์ต Moderndog22 ที่ฉลองครบรอบ 22 ปีวงโมเดิร์นด็อก ตำนานวงร็อคยุคอัลเทอร์เนทีฟของไทยเมื่อช่วงปี 90′ ซึ่งขณะนั้นถือเป็นยุคทองของวงร็อคหน้าใหม่ในบ้านเราอย่างแท้จริงที่ออกเพลงมาแบบไม่ง้อค่ายยักษ์ใหญ่และแจ้งเกิดกันได้หลายวง เชื่อว่าคนยุค 90′ หลายคนคงไม่พลาดที่จะไปร่วมคอนเสิร์ตนี้อย่างแน่นอน แต่วันนี้ทาง Musicarms จะขอมาเรียกน้ำย่อยก่อนด้วยการพาไปรำลึกความหลังกับ 9 วงอัลเทอร์เนทีฟที่โด่งดังในขณะนั้น

 

Smile Buffalo

เจ้าของเพลงดังอย่าง”ดีเกินไป”ที่แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวโด่งดังไปทั่วบ้านทั่วเมือง ปล่อยเพลงแรกมาก็ขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตเพลงตามคลื่นวิทยุอย่างรวดเร็วจนต้องไปแก้บนเล่นคอนเสิร์ตกลางสี่แยกราชประสงค์เพราะบนกับพระพรหมเอราวัณไว้ว่าถ้าขายได้เกินแสนตลับจะมาเล่นคอนเสิร์ตให้ท่านฟัง วงนี้ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน คือ เต็น (กีต้าร์), ดิษ (เบส,ร้องนำ), หนึ่ง (คีย์บอร์ด) และเชษฐ์ (กลอง) หลังจากซิงเกิ้ลแรกดังเปรี้ยงแล้วก็สามารถสานความต่อเนื่องจนค่ายยักษ์อย่างแกรมมี่ต้องดึงตัวไปเข้าสังกัดและได้รางวัลสีสันอวอร์ดในฐานะศิลปินกลุ่มยอดเยี่ยมเมื่อปี 2542 ปัจจุบันแยกย้ายกันไปตามเส้นทางส่วนตัวเช่น เชษฐ์ ที่ออกไปทำเกษตรส่วนตัว แต่บางคนอย่างดิษยังเห็นหน้าในวงการซึ่งล่าสุดก็ไปเป็นแบ็คอัพให้กับ เสก โลโซ

 

Paradox

คุ้นหน้าคุ้นตากันอย่างดีกับวงร็อคเอนเตอร์เทนวงนี้เพราะยังมีผลงานมาจนถึงปัจจุบัน Paradox ประกอบด้วยสมาชิก 4 คนคือ ต้าร์ (ร้องนำ,กีต้าร์), บิ๊ก (กีต้าร์), สอง (เบส) และ โจอี้ (กลอง) รวมตัวกันเนื่องจากเป็นเพื่อนสมัยเรียนที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยชื่อเดิมของวงคือ”หอยจ๊อ” ออกมาในยุคอัลเทอร์เนทีฟกับค่ายอีสเทิร์นสกาย เร็คคอร์ดโดยมีเพลงดังอย่าง”นักมายากล”ทำให้คนรู้จักด้วยแนวดนตรีที่เป็นเอกลักษณ์ จนค่ายยักษ์ใหญ่ย่านอโศกต้องดึงตัวเข้าสู่สังกัดจีนี่เร็คคอร์ดและได้ทำเพลงเพิ่มอีก 6 อัลบั้มมาจนถึงปัจจุบันและได้รับคำชมว่าเป็นวงดนตรีที่เล่นสดได้มันส์โดยมีตำแหน่งว้ากเกอร์และโจ๊กเกอร์อีกด้วย ผลงานเพลงตอนอยู่จีนี่ที่โด่งดังก็มี ฤดูร้อน หรือ น้องเปิ้ล ที่ยังคงกลิ่นอายเดิมๆเหมือนอัลบั้มแรก

 

Big Ass

วงร็อคแถวหน้าในปัจจุบันอบ่างบิ๊กแอสก็ใช้ช่วงเวลาเฟื่องฟูของยุคอัลเทอร์เนทีฟเป็นช่วงแจ้งเกิด โดยขณะนั้นนักร้องนำยังคงเป็น แด๊ก และสมาชิกที่เหลืออีก 4 คนคือ อ็อฟ (กีต้าร์), หมู (กีต้าร์), ต้น (เบส) และ กบ (กลอง) ภายใต้สังกัดมิวสิคบัคส์ซึ่งอัลบั้มแรกวางแผงปี 2540 หรือช่วงท้ายของยุคอัลเทอร์เนทีฟในชื่ออัลบั้ม Not Bad กับซิงเกิ้ลดังๆอย่าง”ทางผ่าน” ที่ยังคงดังมาถึงปัจจุบัน แม้ว่าล่าสุดจะยังคงมีผลงานออกมาอย่างต่อเนื่องแต่แฟนบิ๊กแอสรุ่นเก่าคงเสียดายไม่น้อยเมื่อ แด๊ก ต้องแยกทางกับวงไปออกกับวงร็อคไรเดอร์ และวงได้ เจ๋ง นักร้องนำคนใหม่มาแทน อีกคนที่ต้องออกจากวงไปคือต้นมือเบสที่ได้และได้โอ๊คมาแทน หลังจากยุคอัลเทอร์ฯแล้ววงบิ๊กแอสก็ได้มีอัลบั้มเพิ่มมาอีก 6 อัลบั้มภายใต้สังกัดจีนี่เร็คเคอร์ดในเครือแกรมมี่

 

ซีเปีย

วงนี้มีแต่เดิมสมาชิกเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นคือ โอ๋ เจษฎา สุขทรามร และ ปาเดย์ ภานุ กันตะบุตร ซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยปล่อยซิงเกิ้ลเพลงดังที่หลายคนต้องเคยได้ยินอย่าง”เกลียดตุ๊ด”มาในปี 2537 ซึ่งบทเพลงในอัลบั้มจะเป็นแนวเสียดสีสังคมทำให้ดูแปลกใหม่เข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้ไว แต่เนื่องจากเป็นแนวเพลงเฉพาะกลุ่มเกินไปทำให้ยอดขายไม่ดีนัก แม้ว่าจะโดนค่ายเบเกอรี่ มิวสิคดึงตัวไปก็ไม่อาจแจ้งเกิดได้จนต้องแยกย้ายกันไปตามเส้นทาง ซึ่งโอ๋ได้ไปอยู่กับวงดูบาดูจนโด่งดังในนาม “โอ๋ดูบาดู” ส่วนปาเดย์ได้ไปเล่นเบสให้กับวงทีโบน ทำให้เส้นทางหลังจากช่วงอัลเทอร์เนทีฟนั้นคนฟังหลายคนรู้จักชื่อเสียงของทั้งสองคนมากกว่าสมัยอยู่วงซีเปียที่รู้จักแค่ชื่อเพลงเท่านั้น

 

อะลาดิน

วงร็อคอัลเทอร์เนทีฟที่ผสานแนวเพลงฮิพฮอพเข้ามาด้วย วงนี้ประกอบด้วยสมาชิก 5 คนคือ ยุฟ (ร้องนำ), เอ็ด (ร้องนำ), เอ็ม (กีต้าร์), มัด (เบส) ปล่อยเพลง”นางมารร้าย”มาในปี 2541 ด้วยท่อนแร๊พสุดเฟี้ยวฟ้าวเข้ากับดนตรีร็อคในสไตล์ตนเองจนดังเปรี้ยงภายในเวลาอันไม่นาน โดยเพลงอื่นๆในอัลบั้มอย่างศรีทนหรือ In Pub ต่างก็เป็นการผสานดนตรีสองแนวนี้ทั้งสิ้น จนได้รับรางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ดในปี 2452 น่าเสียดายที่ค่ายทรีมิวสิคของพวกเขาในขณะนั้นเป็นค่ายเล็กและไม่ได้ดันต่อ ทำให้ชื่อของอะลาดินค่อยๆเงียบหายไป ที่พอเห็นหน้าค่าตากันบ้างก็สมาชิกอย่าง แสบ ไปร่วมวงแฮงค์แมนในฐานะมือกลองเท่านั้น

 

พราว

วงดนตรีจากเด็กหนุ่มคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่รวมตัวกัน 4 คน ประกอบด้วย เล็ก (ร้องนำ/กีต้าร์), เจ (กีต้าร์), แจ็ค(กีต้าร์) และ พิซซ่า (เบส) จับมือร่วมกัยภายใต้ชื่อ “วงครับ” ได้ลองทำซิงเกิ้ลขึ้นมา 6 เพลงและส่งให้กับ ยุทธนา บุญอ้อมซึ่งขณะนั้นเป็นดีเจที่คลื่นฮอตเวฟช่วยเปิดให้ โดยเพลงเหรียญสลึง และ Sleepless ได้รับความนิยมในกลุ่มแนวอินดี้พอสมควรจึงได้เซ็นสัญญากับค่ายอีสเทิร์นสกายซึ่งเป็นค่ายเพลงอัลเทอร์เนทีฟในขณะนั้นทำขึ้นมาอีก 4 เพลงให้ครบ 10 เพื่อที่จะวางขายอัลบั้มได้ โดยมีเพลงดังอย่าง “เธอคือความฝัน” ที่แต่งเพิ่มขึ้นมาและเป็นที่รู้จักในหมู่คนฟัง ปัจจุบันวงพราวต่างแยกย้ายไปทำงานส่วนตัวกันหมดเรียบร้อย

 

บาร์บี้ส์

เจ้าของเพลง”ตากลมๆ”ที่วัยรุ่นยุค 90 ต่างร้องกันได้ทั่วบ้านทั่วเมือง โดยวงนี้มีสมาชิก 5 คนคือ แพท (กีต้าร์),กบ (กีต้าร์),ซิก (เบส),ต้า (ร้องนำ)และซิ่ว (กลอง) ซึ่งแพทนั้นเริ่มจากเป็นเด็กฝึกงานที่ค่ายดนตรี Warner Music ก่อนที่ทางค่ายจะเห็นแววชวนทำเพลงจึงได้รวบรวมเพื่อนสนิทอีก 4 คนที่เหลือเริ่มทำวงบาร์บี้ส์ โดยคอนเซปต์ของวงคือแนวดนตรีแบบซาวด์สังเคราะห์ผสมร็อคซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นของแปลกใหม่และด้วยชื่อของวงทำให้หลายครั้งขึ้นคอนเสิร์ตในชุดผู้หญิงจึงได้กระแสในหมู่วัยรุ่นค่อนข้างดี วงบาร์บี้ส์เคยถึงจุดสูงสุดด้วยการเล่นเป็นวงเปิดให้กับวง Greenday ตอนมาทัวร์คอนเสิร์ตที่เมืองไทยมาแล้ว ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามกาลเวลาซึ่งเราอาจได้เห็นต้าร์ นักร้องนำแสดงหนังอยู่บ่อยครั้ง

 

Nursery Sound

วงดนตรีที่โดดเด่นในเรื่องของเสียงร้องอันเป็นเอกลักษณ์ของ บัติ สมบัติ พิทักษ์สินธุ์ นักร้องนำของวง จนท่อนฮุค “ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า รีบๆๆออกไปหา” ของเพลง “หวาน” ฮิตกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองและสามารถขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตวิทยุได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว น่าเสียดายที่ค่าย Lepso Revolution ที่พวกเขาในเวลานั้นเป็นแค่ค่ายเล็กๆและปิดตัวลงในเวลาต่อมา ทำให้บัติและเพื่อนร่วมวงอีก 4 คนคือ ศิลป์, วุธ, อาไก่ และสาร ต้องกระจัดกระจายกันไป โดยทิ้งเพลงอย่าง”หวาน”, “คนผ่านทาง” และ”อากาศดีๆ”ให้กับวงการดนตรีไทย ตัวบัติเองก็ได้มีโอกาสออกเทปกับค่ายแกรมมี่ในชื่อ “Cutton บัติ” แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จเหมือนตอนรวมวง

 

Modern Dog

เปิดตัวกับเพลงบุษบาได้อย่างสวยงามด้วยแนวดนตรีแปลกใหม่ในสมัยนั้น ทำให้สามหนุ่ม ป๊อด ธนชัย, เมธี และ ปวิณ โด่งดังเป็นพลุแตกในทันที โมเดิร์นด็อกเริ่มมาจาการประกวดดนตรีโค้กมิวสิคอวอร์ดและชนะวงสมายบัฟฟาโลได้อันดับ 1 มาครองจึงถูกค่ายเบเกอรี่มิวสิคค่ายเพลงน้องใหม่ในขณะนั้นจับเซ็นสัญญา ซึ่งแค่เพลงเปิดตัวก็ทำได้อย่างสวยงามต่อยอดด้วยเพลง”ก่อน” เพลงช้าที่มีเนื้อหากินใจ ทำให้วงโมเดิร์นด็อกกลายเป็นศิลปินซิกเนเจอร์ของยุคอัลเทอร์เนทีฟไปโดยปริยาย ซึ่งก็ได้ออกอัมบั้มทั้งหมด 5 ชุด ก่อนจะหายจากวงการไปถึง 5 ปีเพื่อสะสมประสบการณ์ด้วยการร่วมแจมกับศิลปินอื่นๆซึ่งเราจะได้เห็นพี่ป๊อดร้องแจมบ่อยครั้ง จนล่าสุดกลับมารวมวงกันอีกครั้งเพื่อมีคอนเสิร์ต Moderndog22 เพื่อฉลองครบรอบ 22 ปีของวง Moderndog

5 บทเพลงที่ชาวร็อคต้องแกะโซโล่ถ้าอยากเทพ !!!

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกคนที่เล่นกีต้าร์ย่อมต้องอยากลองโซโล่กันบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งถ้าหากจะเป็นยอดฝีมือในการโซโล่เพลงแล้ว มือกีต้าร์ทั้งหลายก็จะมีเพลงไฟต์บังคับหรือที่เรียกกันว่าเพลงชาติให้แกะกันนั่นเอง หากเป็นเพลงไทยขาร็อคทั้งหลายคงต้องเคยแกะเพลงซมซานของวงโลโซ หรือถ้าเป็นคอเพื่อชีวิตย่อมต้องแกะเพลงทะเลใจและแม่สายของงวงคาราบาว วันนี้ทาง Musicarms ก็จะขอพาไปรู้จักกับ 5 เพลงร็อคสากลที่เชื่อว่าทุกคนต้องเคยได้ยินชื่อกันมาบ้างและน่าแกะท่อนโซโล่อย่างยิ่ง และมือกีต้าร์เก๋าๆมากประสบการณ์หลายท่านต้องเคยแกะบทเพลงเหล่านี้มาแล้วแน่นอน

Image result for hotel california

Hotel California

สุดยอดเพลงที่ดังที่สุดของวง ดิ อีเกิ้ลส์ที่ปล่อยซิงเกิ้ลนี้ออกมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 1977 กว่า 40 ปีเข้าไปแล้วที่ยังคงความอมตะไว้ได้เสมอ เพลงนี้ใช้ถึง 3 คนร่วมกันประพันธ์ขึ้นมาคือ ดอน เฟลเดอร์ แต่งด้านดนตรี และ ดอน เฮนรี่ ร่วมกับ เกล็น เฟรย์ แต่งด้านเนื้อร้อง ซึ่งตัวเนื้อร้องเองนั้นก็สามารถโยงความหมายไปได้หลายสถานการณ์แต่จากความเห็นส่วนใหญ่นั้นหมายถึงชีวิตนักดนตรีที่เมื่อเข้ามาอยู่ใน “โฮเต็ลแคลิฟอเนีย” แล้วก็จะลุ่มหลงแสงสีจนไม่สามารถถอนตัวได้ ซึ่งท่อนโซโล่กีต้าร์ของเพลงนี้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้กลายเป็นเพลงขึ้นหิ้ง เพราะไลน์ประสานของสองยอดกีต้าร์อย่าง โจ เวลส์ และ ดอน เฟลเลอร์ นั้นลงตัวอย่างแรง ทำให้เป็นหนึ่งในเพลงตำนานที่มือกีต้าร์ต้องหากันมาแกะให้เป๊ะๆทั้งตัวโน๊ตและทำนอง ซึ่งถ้าผ่านไปได้ถือว่าฝีมือเข้าขั้นพอสมควร

Image result for Rock Bottom ufo

Rock Bottom

เพลงครูของวง UFO วงร็อคจากประเทศอังกฤษที่ออกมาตั้งแต่ปี 1974 ซึ่งมือกีต้าร์ของวงในขณะนั้นคือ Michael Schenker ได้ฝากผลงานการโซโล่ที่มือกีต้าร์หลายคนต้องซูฮกด้วยไลน์กีต้าร์ที่เหมือนจะเบสิคแต่มีความยากในตัวค่อนข้างมาก ซึ่งหากใครเล่นเพลงนี้ได้แปลว่านิ้วของคุณมีความเร็วที่มากพอ อีกทั้งยังต้องพะวงกับสำเนียงในแต่ละจุดให้มีความไพเราะอีกด้วย ซึ่งเทคนิคของเพลงนี้ก็มีครบทั้งรูดสาย แฮมเมอร์ออน พูลอ็อฟ หรือการดันสาย เรียกว่ากว่าจะแกะได้นี่เก็บเกี่ยวเทคนิคการเล่นกีต้าร์จนปึ้กกันไปเลย ไม่แปลกที่มือกีต้าร์หลายคนยกให้เพลง Rock Bottom นี้เป็นหนึ่งในเพลงที่ยากที่สุดอีกด้วย

Image result for highway star deep purple

Highway Star

ถ้าพูดถึงมือกีต้าร์พญายมที่มีความไวลำดับต้นๆของโลกคงต้องมีชื่อของ ริชชี่ แบล็คมอร์ มือกีต้าร์แห่งวงดีพ เพอร์เพิ่ลอยู่ในลิสต์ ซึ่งแต่ละเพลงที่เล่นออกมนั้นจะแกะตามได้นี่มือหงิกกันน่าดู Highway Star จึงเป็นเพลงด่านหินที่มือกีต้าร์ใช้เป็นบททดสอบความเก่งในการโซโล่กีต้าร์กันเพียบ นอกจากเทคนิคในเพลงนี้จะมาเต็มทั้งการดันสาย การไล่สเกลแล้ว การเล่นให้ทันตัวโน๊ตของแบล็คมอร์ต้นฉบับยิ่งยากมหาหินอีกด้วย เพลงนี้อยู่ในอัลบั้ม Machine Head ที่ออกมาตั้งแต่ปี 1972 แต่คิดดูเอาว่าเกิน 40 ปีแล้วยังไม่เสื่อมคลายจนเป็นหนึ่งในเพลงร็อคที่คนแกะโซโล่ลงโชว์ในยูทูปมากที่สุดอีกด้วย

Image result for Sweet child o' mine

Sweet child o’ mine

เพลงดังที่สุดของวงร็อคแห่งยุคอย่าง Gun’N Roses ที่มีสเน่ห์ตั้งแต่ท่อน Rif ท่อนแรกมาเลย ซึ่งก็เป็นเพลงในอัลบั้มแรกที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงนี้อีกด้วย ทำให้ชื่อของ Slash นั้นโด่งดังอย่างมากในสำเนียงที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งความโด่งดังของเพลงนี้ก็เข้าไปอยู่ใน Top 100 Bilboard เพลงร็อคยอดเยี่ยมตลอดกาลเรียบร้อย ซึ่งสาวกเพลงร็อคต้องหามาแกะกันแทบทุกคน แม้ว่าเพลงนี้เทียบกับสามเพลงด้านบนอาจจะไม่ยากเท่าไหร่นัก แต่ก็ถือว่าเป็นเพลงครูชั้นเยี่ยมได้อย่างดีเนื่องจากการใช้เทคนิกมีครบถ้วน ซึ่งหากอยากเล่นให้ได้ซาวด์แบบ Slash นั้นต้องฝึกกันอย่างหนักทั้งไล่สเกลเนียนๆไวๆเหมือนท่อนกลางหรือดันสายเป๊ะๆแบบช่วงจบ ถ้าแกะเพลงนี้แล้วเพลงร็อคทั่วไปขอบอกว่าเบๆ

Image result for Enter Sandman

Enter Sandman

เพลงขึ้นหิ้งของวงเฮฟวี่เมทัลชื่อดังจากฝั่งอเมริกาอย่างเมทัลลิก้าที่ปล่อยออกมาเป็นซิงเกิ้ลแรกในอัลบั้มที่ 5 สร้างความฮือฮาให้กับชาวร็อคทั่วโลก เพลงนี้ เจมส์ ฮีทฟิลด์ มือกีต้าร์ของวงเป็นผู้ประพันธ์ทำนองเองเกือบทั้งหมด ไลน์กีต้าร์จึงมีความสวยงามลงตัวและความดุดันอย่างครบเครื่อง เรียกว่าตั้งแต่ขึ้นท่อนแรกมาก็มีคนโยกหัวแล้ว ความโดดเด่นของท่อนโซโล่เพลงนี้คือมีการใช้เอฟเฟควาล์วเป็นอุปกรณ์หลักและต้องดันสายให้เข้ากับจังหวะการเหยียบอีกด้วย รวมไปถึงนิ้วต้องไวพอสมควรในการไล่สเกลท่อนจบ มือกีต้าร์หลายคนจึงยกเพลงนี้เป็นหนึ่งในด่านหลักหรือเพลงครูที่ต้องเล่นให้เป็นหากอยากจะเป็นยอดฝีมือในการเล่นกีต้าร์

Marshall JCM900+1960A ชุดตู้แอมป์กีตาร์ไฟฟ้า

ขายเพียง  101,700฿ จาก  113,000฿

Marshall Code100H + Code412 Cabinet ชุดตู้แอมป์กีตาร์ไฟฟ้า

ขายเพียง  40,000฿ จาก  50,000฿

Mantic AG-370SCE กีตาร์โปร่งไฟฟ้า

ขายเพียง  5,670฿ จาก  6,300฿