LINE


5 ขั้นตอนการเปิด Data สำหรับมือใหม่!

ไปซื้อ 5 ขั้นตอนการเปิด Data สำหรับมือใหม่!ที่สาขา

5 ขั้นตอนการเปิด Data ขณะเล่นสด: เพิ่มความสมบูรณ์ให้เสียงดนตรีของคุณ

การเปิด Data (แบ็คกิ้งแทร็ก) ขณะเล่นสด เป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มความแน่นและครบถ้วนของเสียงให้กับวงดนตรีของคุณ ทำให้ผู้ชมได้รับอรรถรสเหมือนฟังเพลงในเวอร์ชัน Audio Master โดย Data จะช่วยเติมเต็มเสียงที่นักดนตรีไม่สามารถเล่นได้จริง ๆ ในขณะนั้น เช่น เสียงเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ในเพลง, เสียงคีย์แพด, ซินธิไซเซอร์, คอรัส หรือ เพอร์คัสชั่น ที่ต้องการให้มีในการแสดงสด

หากคุณสนใจที่จะใช้เทคนิคนี้ นี่คือ 5 ขั้นตอนสำคัญที่คุณต้องรู้:

1. ใช้ระบบ Ear Monitor ในการฟัง

    • เหตุผลสำคัญ: การเปิด Data จำเป็นต้องฟังเสียงเมโทรนอมอย่างชัดเจน เพื่อให้การเล่นของคุณตรงจังหวะไปกับ Data และเครื่องดนตรีอื่น ๆ ในวง

    • ข้อเสียของ Stage Monitor: หากใช้ Stage Monitor และเปิดเสียงเมโทรนอมด้วย อาจทำให้เสียงเมโทรนอมรั่วออกไปรบกวนผู้ฟัง และคุณจะไม่ได้ยินเสียงเมโทรนอมชัดเจนเท่าที่ควร

    • ประโยชน์ของ In-Ear Monitor: ช่วยให้คุณได้ยินเสียงเมโทรนอมอย่างชัดเจนตลอดการแสดง ทำให้เล่นได้ตรงกับ Data ที่เปิดอยู่

2. เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม

อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเปิด Data มีดังนี้:

    • คอมพิวเตอร์ หรือ แล็ปท็อป (Laptop): ใช้สำหรับPlayback เสียง Data และ Metronome หรืออาจใช้เครื่องเล่น Data โดยเฉพาะก็ได้

    • Audio Interface:
        • แบบ 2 Output: เหมาะสำหรับData แบบ Mono และ Metronome โดยใช้ Output หนึ่งสำหรับ Data และอีก Output หนึ่งสำหรับ Metronome

        • แบบ 4 Output: เหมาะสำหรับData แบบ Stereo (L/R) และ Metronome ทำให้ส่ง Data และ Metronome แยกกันได้

    • Submixer (ซับมิกเซอร์): แนะนำให้ใช้สำหรับบาลานซ์เสียงเมโทรนอมส่วนตัว และสามารถนำ Output จากมิกเซอร์หลัก (สำหรับมอนิเตอร์เครื่องดนตรีอื่น ๆ) กลับเข้ามาฟังผ่านหูฟัง In-Ear ของคุณเองได้

    • DI Box (Direct Injection Box):
        • ใช้สำหรับแปลงสัญญาณจาก Audio Interface ให้เป็นสัญญาณที่เสถียร (Balanced XLR) เพื่อส่งไปยังมิกเซอร์หลักของงาน

        • จำนวนที่ต้องการ:
            • สำหรับData Stereo (L/R) + Metronome Mono: ต้องใช้ DI Box อย่างน้อย 3 ก้อน (2 ก้อนสำหรับ Data L/R, 1 ก้อนสำหรับ Metronome)

            • สำหรับData Mono + Metronome Mono: ต้องใช้ DI Box อย่างน้อย 2 ก้อน

3. เตรียมไฟล์ Data และ Metronome

    • เลือกไฟล์เพลง: ไฟล์ Data และ Metronome ต้องตรงกับเพลงที่คุณจะเล่น

    • การมิกซ์และบาลานซ์: ไฟล์ Data ควรได้รับการมิกซ์และบาลานซ์เสียงให้เข้ากับเครื่องดนตรีสดของวงคุณ เพื่อให้ไม่มีเสียงใดโดดเด่นหรือเบาเกินไป

    • ตั้งค่าในโปรแกรม DAW: นำไฟล์ Data และ Metronome ลงในโปรแกรมทำเพลง (DAW) เช่น Logic Pro, Cubase, Pro Tools ตรวจสอบให้แน่ใจว่าData Track และ Metronome Track ซิงค์กันอย่างถูกต้อง

4. ตั้งค่า Output ในโปรแกรม DAW ให้ถูกต้อง

การตั้งค่า Output ที่ถูกต้องในโปรแกรม DAW เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้เสียง Data และ Metronome แยกกัน ไม่ปะปนกันเมื่อส่งออกไป:

    • กรณี Data แบบ Stereo (สำหรับ Audio Interface 4 Output ขึ้นไป):
        • ตั้งค่าData L/R ให้ Output ออกไปที่Output 1 และ 2 ของ Audio Interface

        • ตั้งค่าMetronome ให้ Output ออกไปที่Output 3 และ 4 ของ Audio Interface (หรือ 3 สำหรับ Mono Metronome)

    • กรณี Data แบบ Mono (สำหรับ Audio Interface 2 Output):
        • ตั้งค่าData ให้ Output ออกไปที่Output 1 ของ Audio Interface

        • ตั้งค่าMetronome ให้ Output ออกไปที่Output 2 ของ Audio Interface

5. เชื่อมต่อสายทุกอย่างเข้าสู่ Mixer ของงาน

นี่คือขั้นตอนสุดท้ายและสำคัญในการส่งสัญญาณเสียงไปยังมิกเซอร์หลักของงาน:

    • ตัวอย่างการเชื่อมต่อ (กรณี Audio Interface 4 Output, Data Stereo):
        • Data L/R: เสียบสายแจ็คจากOutput 1 (L) และOutput 2 (R) ของ Audio Interface เข้าไปที่DI Box 2 ก้อน

        • Metronome (ส่งเข้า FOH): เสียบสายแจ็คจากOutput 3 ของ Audio Interface เข้าไปที่DI Box อีก 1 ก้อน

        • Metronome (ส่วนตัว/สำรอง): เสียบสายแจ็คจากOutput 4 ของ Audio Interface เข้าไปที่Submixerของคุณ (มักจะเป็นมือกลองที่ควบคุม Metronome)

        • เชื่อมต่อกับมิกเซอร์หลัก: ขอสาย XLR จาก Sound Engineer จำนวน 3 เส้น มาเสียบที่ Output ของ DI Box ทั้ง 3 ตัว เพื่อส่งสัญญาณData L/R และ Metronomeไปยังมิกเซอร์หลัก

        • รับ Monitor กลับ: ขอOutput Monitorจากมิกเซอร์หลักมาเสียบเข้า Input ของ Submixer ของคุณ

        • ฟัง In-Ear Monitor: เสียบ In-Ear Monitor เข้าที่ Phone Output ของ Submixer คุณสามารถบาลานซ์เสียง Metronome ของคุณเองและเสียงเครื่องดนตรีจากมิกเซอร์หลักได้อย่างอิสระ

    • ตัวอย่างการเชื่อมต่อ (กรณี Audio Interface 2 Output, Data Mono):
        • Data Mono: เสียบสายแจ็คจากOutput 1ของ Audio Interface เข้าไปที่DI Box 1 ก้อน

        • Metronome Mono: เสียบสายแจ็คจากOutput 2ของ Audio Interface เข้าไปที่DI Box อีก 1 ก้อน

        • เชื่อมต่อกับมิกเซอร์หลัก: ขอสาย XLR จาก Sound Engineer จำนวน 2 เส้น มาเสียบที่ Output ของ DI Box ทั้ง 2 ตัว เพื่อส่งสัญญาณData Mono และ Metronome Monoไปยังมิกเซอร์หลัก

        • รับ Monitor กลับ: ให้ Sound Engineer ส่งสัญญาณ Data และ Metronome ที่แยกกันแล้ว กลับมาให้คุณฟังในหูฟัง In-Ear โดยตรง

การทำตาม 5 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้การเปิด Data ขณะเล่นสดของคุณเป็นไปอย่างราบรื่นและมืออาชีพ เพิ่มคุณภาพเสียงและความน่าประทับใจให้กับการแสดงของคุณ

Topping Pro E1x2 OTG Audio Interface

ราคา : 5,490 บาท
ประหยัดพิเศษ
Topping Pro E1x2 OTG
รายละเอียดคุณสมบัติ : 

 

🎛️ รายละเอียดสเปค E1x2 OTG (รองรับ 24bit/96kHz)

หมวด รายการ ข้อมูล
🎤 อินพุตไมโครโฟน
เสียงรบกวน -130.5dBu (A-wt, 150Ω) ระดับเงียบมาก เหมาะกับไมค์คุณภาพสูง
THD+N -110dB (0.0003%) ค่าความเพี้ยนต่ำมาก
ช่วงไดนามิก 118dB ให้ความชัดเจนสูง
ตอบสนองความถี่ 20Hz–40kHz (±0.2dB) รองรับการบันทึกเสียงครบย่าน
ขยายเสียง สูงสุด 78dB (58dB อนาล็อก + 20dB ดิจิทัล) เพียงพอสำหรับไมโครโฟนระดับสตูดิโอ
พาวเวอร์แฟนทอม 48V รองรับคอนเดนเซอร์ไมโครโฟน
การเชื่อมต่อ XLR แบบคอมโบ ใช้งานได้หลากหลาย
🎚️ อินพุตไลน์
THD+N -107dB (0.00045%) สัญญาณสะอาด
ช่วงไดนามิก 118dB คุณภาพระดับสตูดิโอ
อินพุตสูงสุด 23.9dBu รองรับสัญญาณแรง
อิมพีแดนซ์ 9kΩ เหมาะกับอุปกรณ์โปรฯ
การเชื่อมต่อ TRS แบบคอมโบ รองรับบาลานซ์
🎸 อินพุตเครื่องดนตรี
THD+N -108dB (0.0004%) ความเพี้ยนต่ำ
อินพุตสูงสุด 14.8dBu รองรับสัญญาณจากกีตาร์
อิมพีแดนซ์ 1MΩ เหมาะกับเบส/กีตาร์
การเชื่อมต่อ TS แบบคอมโบ เสียบตรงได้ทันที
🔈 เอาท์พุตไลน์
THD+N -100dB (0.001%) เสียงสะอาด โปร่ง
ไดนามิก 115dB (127dB เมื่อ Attenuate) ความดังสูงไม่บิดเบือน
เอาท์พุตสูงสุด 14dBu เหมาะสำหรับต่อไปยัง Mixer หรือลำโพง
การเชื่อมต่อ TRS 6.35mm แบบบาลานซ์ เสียงรบกวนน้อย
🎧 เอาท์พุตหูฟัง
กำลังขับ สูงสุด 580mW @320Ω ขับหูฟังสตูดิโอได้สบาย
ไดนามิก 132dB (เมื่อ Attenuate) ให้รายละเอียดเสียงครบถ้วน
การเชื่อมต่อ แจ็คหูฟัง 6.35mm ใช้งานทั่วไปได้เลย
📱 เอาท์พุต OTG (USB-C)
THD+N -130dB (0.00003%) เสียงใสระดับออดิโอไฟล์
SNR / ไดนามิก 138dB สัญญาณชัดเจน
การตอบสนองความถี่ 20Hz–20kHz (±0.1dB) รองรับสัญญาณดิจิทัลคุณภาพสูง
การเชื่อมต่อ USB Type-C OTG รองรับถึง 192kHz

Topping Pro E4x4 Pre Audio Interface

ราคา : 8,850 บาท
ประหยัดพิเศษ
Topping E4x4 Pre Black
รายละเอียดคุณสมบัติ : 

ข้อมูลผลิตภัณฑ์

  • ประเภท: อินเทอร์เฟซเสียง USB
  • โปรโตคอล USB: USB 2.0
  • อินพุตไมโครโฟน: คอนเนคเตอร์แบบคอมโบ XLR / แจ็ค 6.35 มม. จำนวน 4 ช่อง
  • อินพุตเครื่องดนตรี: คอนเนคเตอร์แบบคอมโบ XLR / แจ็ค 6.35 มม. จำนวน 2 ช่อง
  • อินพุตไลน์: คอนเนคเตอร์แบบคอมโบ XLR / แจ็ค 6.35 มม. จำนวน 4 ช่อง
  • เอาต์พุตไลน์: แจ็ค 6.35 มม. จำนวน 4 ช่อง
  • เอาต์พุตหูฟัง: แจ็ค 6.35 มม. จำนวน 2 ช่อง
  • การมอนิเตอร์แบบไร้ความหน่วง: รองรับ (พร้อมปุ่มปรับมิกซ์)
  • มิเตอร์วัดระดับอินพุต: มี (LED 4×8 ดวง)
  • มิเตอร์วัดระดับเอาต์พุต: มี (LED 4×8 ดวง)
  • โมดูลพรีแอมป์ไมโครโฟน: Ultra-linear
  • โมดูลแอมป์หูฟัง: NFCA-LE
  • อัตราการสุ่มตัวอย่างที่รองรับ: PCM สูงสุด 24bit 192kHz
  • ซอฟต์แวร์ควบคุม: รองรับ (Topping Professional Control)
  • ช่อง DAW: 8 ช่อง
  • ระบบปฏิบัติการที่รองรับ: Mac, Windows, iOS, Android

ข้อมูลการวัดอินพุตไมโครโฟน (@ 24bit 96kHz):

  • เสียงรบกวนอินพุต: -130.5dBu (A-wt, 150Ω)
  • THD+N: -110dB (0.0003%) @ A-wt
  • ไดนามิกเรนจ์: 115dB @ A-wt
  • SNR: 115dB
  • การคุยข้ามช่อง: -140dB @ 1kHz
  • การตอบสนองความถี่: 20Hz – 40kHz (±0.2dB)
  • ระดับอินพุตสูงสุด: 8.6dBu
  • อิมพีแดนซ์อินพุต: 1.5kΩ
  • เกนที่มีให้ใช้งาน: 58dB + 20dB (เกนดิจิทัล 20dB)
  • การจ่ายไฟ Phantom Power: 48V
  • คอนเนคเตอร์: XLR

ข้อมูลการวัดอินพุตไลน์ (@ 24bit 96kHz):

  • THD+N: -107dB (0.00045%) @ A-wt
  • ไดนามิกเรนจ์: 115dB @ A-wt
  • SNR: 115dB
  • การคุยข้ามช่อง: -140dB @ 1kHz
  • การตอบสนองความถี่: 20Hz – 40kHz (±0.1dB)
  • ระดับอินพุตสูงสุด: 23.9dBu
  • อิมพีแดนซ์อินพุต: 9kΩ
  • เกนที่มีให้ใช้งาน: 58dB + 20dB (เกนดิจิทัล 20dB)
  • คอนเนคเตอร์: แจ็ค 6.35 มม. TRS

ข้อมูลทั่วไป:

  • แหล่งจ่ายไฟ: 5VDC 0.8A ผ่าน USB-C
  • ขนาด: 29.2 x 12.9 x 5 ซม.
  • น้ำหนัก: 830 กรัม

Mackie Mix5 อนาล็อคมิกเซอร์ 5 แชนแนล

ราคา : 2,490 บาท
3,590 บาท
ประหยัด31%
Mackie
รายละเอียดคุณสมบัติ : 

 

🎛️ Mackie Mix5 – มิกเซอร์คอมแพคคุณภาพระดับมืออาชีพ
🧩ประเภท มิกเซอร์แบบอนาล็อก ขนาดพกพา
🔢จำนวนแชนแนล 5 แชนแนล (1 โมโน + 2 สเตอริโอ)
🎤อินพุต • XLR โมโน 1 ช่อง (สำหรับไมโครโฟน)
• TRS สเตอริโอ 2 ชุด (สำหรับเครื่องดนตรี/แหล่งเสียง)
🔈เอาต์พุต TRS แยกซ้าย/ขวา
🎚️EQ EQ แบบ 2 แบนด์ (เสียงสูง/ต่ำ)
Phantom Power +48V สำหรับไมค์คอนเดนเซอร์
คุณสมบัติเด่น • ขนาดเล็ก พกพาง่าย
• เสียงใส ชัด มีมิติ
• ใช้งานง่าย เหมาะกับทุกระดับ
🎯เหมาะสำหรับ • ผู้ทำ Podcast
• นักดนตรีที่เล่นสด
• นักแสดงดนตรีในร้านอาหารหรือผับ
📦อุปกรณ์ในกล่อง • มิกเซอร์ Mackie MIX5
• คู่มือการใช้งาน
🔌การเชื่อมต่อ รองรับการเชื่อมต่อกับ ไมค์, คีย์บอร์ด, กีตาร์, เครื่องเล่นเสียง

Musontek PD1X Passive DI Box พาสซีฟไดเร็กบอกซ์

ราคา : 2,590 บาท
ประหยัดพิเศษ
Musontek-PD1X-1
รายละเอียดคุณสมบัติ : 

รายละเอียดสินค้า

ค่าความเพี้ยนของฮาร์โมนิกทั้งหมด (Total Harmonic Distortion): 0.006% ที่ช่วงความถี่ 20Hz ถึง 20kHz ที่ระดับ -10dB

ค่าเบี่ยงเบนเฟส (Phase Deviation): ที่ความถี่ 20Hz เบี่ยงเบน 8° และที่ 100Hz เบี่ยงเบน 1°

ช่วงไดนามิก (Dynamic Range): 128dB

ระดับเสียงรบกวน (Noise Floor): ต่ำกว่า 0dBu

การตอบสนองความถี่ (Frequency Response): 20Hz-20kHz (±0.3dB)

ความต้านทานขาเข้า (Input Impedance): 10k Ohms, แบบ Unbalanced (ไม่บาลานซ์)

ความต้านทานขาออก (Output Impedance): 600 Ohms, แบบ Balanced (บาลานซ์)


Music Arms