เชื่อว่ามือกีตาร์หลายคนต้องเคยยืนงงในดงมัลติเอฟเฟกต์ เมื่อต้องเลือกระหว่าง Helix Floor และ Helix XL เพราะดูผ่านๆ หน้าตามันก็คล้ายกันเหลือเกิน แต่จริงๆ แล้วจุดวัดใจไม่ได้อยู่ที่เรื่องเสียงหรือความแรงของเครื่องเลยครับ แต่มันอยู่ที่ “ความคล่องตัว” และ “การต่อพ่วง” ล้วนๆ
บทความนี้จะมาสรุป 4 จุดต่างเน้นๆ ที่คุณต้องรู้ เพื่อจะได้ฟันธงได้สักทีว่าตัวไหนที่เกิดมาเพื่อคุณ
1. เซอร์ไพรส์! บอกก่อนเลยว่า… ข้างในเหมือนกันเป๊ะ ก่อนจะไปดูข้อต่าง ขอเคลียร์ใจเรื่องนี้ก่อนครับ ทั้ง Helix Floor และ XL คือฝาแฝดที่มีหัวใจดวงเดียวกัน ฟังก์ชันหลักๆ ข้างในคือ “ตัวเดียวกันเลย” นั่นแปลว่า โทนเสียง เอฟเฟกต์ และคุณภาพเสียงที่คุณจะได้ “เหมือนกัน 100%” ไม่ว่าคุณจะเลือกตัวไหน
2. จุดตัดจริงๆ อยู่ที่ “ช่องเสียบ” (สายพ่วงเยอะต้องอ่าน) นี่แหละคือเหตุผลที่ทำให้สองรุ่นนี้แยกทางกัน รุ่น XL ออกแบบมาเพื่อคนที่ต้องการ “เชื่อมต่อ” แบบจัดเต็ม ลองดูเทียบกันชัดๆ:
- มุมมองคนทำงาน: ถ้าคุณเป็นสายโปรฯ ที่ต้องต่อพ่วงระบบซับซ้อน (Wet/Dry/Wet) หรือมีก้อนเอฟเฟกต์ลูกรักที่ขาดไม่ได้เยอะๆ รุ่น XL คือสิ่งที่จำเป็นครับ แต่ถ้าเล่นจบในตัวเดียว รุ่น Floor ก็เอาอยู่สบายๆ
3. สไตล์การเล่นของคุณ: ชอบแบบ “เห็นปุ๊บรู้ปั๊บ” หรือ “ดูรวมๆ ก็พอ”? เรื่องนี้อยู่ที่ความถนัดเลยครับ เพราะหน้าตาปุ่มกดมันต่างกัน:
-
Helix XL: จะมีจิ๋วๆ (Scribble Strips) อยู่เหนือปุ่มเหยียบทุกปุ่ม ทำให้เราเห็นชื่อสถานะของปุ่มนั้นๆ ตลอดเวลา ไม่ต้องจำ
-
Helix Floor: จะใช้วิธีดูรวมๆ บนหน้าจอหลัก (Dashboard) แทน
-
มุมมองคนทำงาน: ถ้าคุณเป็นสายด้นสด เปลี่ยนเสียงบ่อยๆ เปลี่ยน Patch ไปมา คุณจะรักจอจิ๋วของ XL มาก แต่ถ้าคุณเป็นสายเซตลิสต์นิ่งๆ ตั้งค่ามาจากบ้านแล้ว แค่ดูหน้าจอรวมๆ ของ Floor ก็เหลือเฟือแล้วครับ
4. เรื่อง “ขนาด” และ “น้ำหนัก” (อย่ามองข้ามเชียว) รุ่น XL ตัวใหญ่และหนักกว่ารุ่น Floor พอสมควรครับ (กว้างกว่าประมาณ 3.5 นิ้ว และหนักกว่าเกือบ 2 โล) ตัวเลขดูเหมือนนิดเดียว แต่สำหรับคนที่ต้องแบกบอร์ดไปเล่นร้านทุกคืน หรือต้องจัดของลงกระเป๋าเดินทาง…
สรุป: ไม่มีตัวไหนเทพกว่า มีแค่ตัวไหนที่ “ใช่” กว่า
สุดท้ายแล้ว คำตอบอยู่ที่ตัวคุณเองเลยครับ:
ลองหันไปดูอุปกรณ์ที่คุณมี และถามตัวเองดูครับว่า… ฟีเจอร์แบบไหนที่ตอบโจทย์ชีวิตดนตรีของคุณที่สุด?

รายละเอียดคุณสมบัติ :  คุณสมบัติหลักและเทคโนโลยี
- วิธีการสร้างแบบจำลอง Agoura™ แบบใหม่ทั้งหมด: นี่คือจุดเด่นสำคัญที่รับประกันมาตรฐานใหม่สำหรับเสียงและการตอบสนองของแอมพลิฟายเออร์ที่สมจริง
- การควบคุม Hype: คุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนระหว่างเสียงแอมป์ “สมจริงขั้นสุด” และ “ในอุดมคติ” ด้วยการควบคุมเพียงปุ่มเดียว
- เอนจินการโคลนแอมป์, คาบิเน็ต, และเอฟเฟกต์บนคลาวด์แบบ Proxy: นี่บ่งชี้ถึงแนวทางใหม่ในการจับภาพและจำลองเสียงอุปกรณ์ ซึ่งอาจคล้ายกับเทคโนโลยี Neural Profiling
- ความเข้ากันได้ของพรีเซ็ต: พรีเซ็ต Helix/HX ที่มีอยู่สามารถโหลดลงในโปรเซสเซอร์ Helix Stadium ได้
- หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง 8 นิ้ว: มอบส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่ถูกหลักสรีรศาสตร์ ใช้งานง่าย และสร้างแรงบันดาลใจ
- การควบคุมด้วย Wi-Fi และ Bluetooth®: สำหรับการแก้ไขและควบคุมแบบไร้สาย
- ซอฟต์แวร์แก้ไข Helix Stadium ฟรี: สำหรับการปรับแต่งเสียงอย่างละเอียด
- เอนจินอัตโนมัติและการเล่น Showcase: คุณสมบัติอันทรงพลังสำหรับการควบคุมการแสดงสดทั้งหมด รวมถึงการเล่นแทร็กเสียงสูงสุดแปดแทร็กและการควบคุมแสงอัตโนมัติ
- พอร์ต Nexus™: สำหรับหน่วย Expand D10 เสริมและอุปกรณ์ต่อพ่วงในอนาคต
- ที่เก็บข้อมูล USB-C, USB-A, และ microSD ขนาด 32GB แบบถอดได้
- แหล่งจ่ายไฟภายในที่แข็งแกร่ง (IEC)
- หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง
- Focus View พร้อมการควบคุมพารามิเตอร์ตามบริบท
- คลิปเสียงและข้อมูลพรีเซ็ต Audition
Helix Stadium XL Floor (รุ่นเรือธง)
- ชุดฮาร์ดแวร์ที่ครบครัน:
- หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง 8 นิ้ว
- แถบ OLED scribble strips ความคมชัดสูง 12 แถบ: (สำหรับแสดงผลข้อมูลที่ชัดเจน)
- แป้นเหยียบ Expression ที่แม่นยำพร้อมสวิตช์ปลายเท้า
- I/O ที่หลากหลาย:
- รองรับสูงสุด 4 effects loops (ช่วงไดนามิก 120+ dB)
- รองรับสูงสุด 4 แป้นเหยียบ expression ภายนอก
- รองรับสูงสุด 4 ช่องควบคุมแอมป์ภายนอก
- รองรับสูงสุด 4 อินพุตทริกเกอร์กลอง
- ขนาด: ประมาณ 19.4″ x 10.1″ (กว้าง x ลึก)
- น้ำหนัก: ประมาณ 11.5 ปอนด์
- โครงสร้าง: แชสซีด้านบนทำจากอะลูมิเนียมอัดขึ้นรูปสองชิ้นพร้อมฐานเหล็กพับ
หน่วยขยาย I/O ดิจิทัล Expand D10 (อุปกรณ์เสริม)
- เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโปรเซสเซอร์ Helix Stadium อย่างมาก
- การเชื่อมต่อ:
- Variax® Digital Interface (VDI) สำหรับกีตาร์ Variax modeling
- L6 LINK™ สำหรับระบบลำโพงกีตาร์แอคทีฟ Powercab® 112+/212+
- AES/EBU
- การเชื่อมต่อออปติคอล 8 แชนเนล (TOSLINK) สำหรับใช้งานกับออดิโออินเทอร์เฟซ, ดิจิทัลมิกเซอร์ ฯลฯ
ความสามารถทั่วไป (สืบทอดมาจากรุ่น Helix ก่อนหน้าและน่าจะได้รับการปรับปรุง)
- เอนจิน HX Modeling แบบ Dual-DSP: เพื่อเสียงแอมป์และเอฟเฟกต์ที่สมจริงและตอบสนองได้ดี
- โมเดลแอมป์, คาบิเน็ต, และเอฟเฟกต์ที่หลากหลาย: แม้การเปิดตัวครั้งแรกอาจมีจำนวนที่ระบุ (เช่น แอมป์ใหม่ 16 ตัวและแอมป์เบส 6 ตัว) แต่ Line 6 มักจะขยายจำนวนเหล่านี้ด้วยการอัปเดตเฟิร์มแวร์
- รองรับ Impulse Response (IR): ความสามารถในการโหลด IR ของบริษัทอื่น
- เส้นทางสัญญาณสเตอริโอสี่เส้นทาง: ช่วยให้สามารถสร้างเชนสัญญาณที่ซับซ้อนและการประมวลผลเครื่องดนตรีหลายชิ้นพร้อมกัน
- Snapshots: สร้างรูปแบบต่างๆ ได้หลายแบบภายในพรีเซ็ตเดียวเพื่อการเปลี่ยนผ่านที่ราบรื่น
- Command Center: สามารถทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมหลักสำหรับ Rig ทั้งหมดของคุณ โดยส่งคำสั่ง MIDI และควบคุมการสลับแอมป์ภายนอก
- สวิตช์เท้าแบบ Capacitive-touch: สำหรับการแก้ไขและควบคุมโดยตรงบนตัวเครื่องอย่างเป็นธรรมชาติ
- ซอฟต์แวร์ HX Edit: สำหรับการแก้ไขบนเดสก์ท็อปที่ครอบคลุม
- ปลั๊กอิน HX Native: สำหรับการรวมระบบสตูดิโอ (เจ้าของ Helix/HX ที่ลงทะเบียนมักจะได้รับส่วนลด)
- โครงสร้างระดับทัวร์: สร้างขึ้นเพื่อทนทานต่อการใช้งานหนักในการแสดงสด

รายละเอียดคุณสมบัติ :  วิธีการสร้างแบบจำลอง Agoura™ และการควบคุมเสียง
- วิธีการสร้างแบบจำลอง Agoura™: นี่คือจุดเด่นสำคัญที่รับประกันมาตรฐานใหม่สำหรับเสียงและการตอบสนองของแอมพลิฟายเออร์ที่สมจริง
- การควบคุม Hype: คุณสมบัติพิเศษที่ช่วยให้คุณสามารถปรับเปลี่ยนระหว่างเสียงแอมป์ “สมจริงขั้นสุด” และ “ในอุดมคติ” ด้วยการควบคุมเพียงปุ่มเดียว
- เอนจินการโคลนแอมป์, คาบิเน็ต, และเอฟเฟกต์บนคลาวด์แบบ Proxy: นี่บ่งชี้ถึงแนวทางใหม่ในการจับภาพและจำลองเสียงอุปกรณ์ ซึ่งอาจคล้ายกับเทคโนโลยี Neural Profiling
ส่วนต่อประสานผู้ใช้และการเชื่อมต่อ
- หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง 8 นิ้ว: มอบส่วนต่อประสานผู้ใช้ที่ถูกหลักสรีรศาสตร์ ใช้งานง่าย และสร้างแรงบันดาลใจ
- หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง
- Focus View พร้อมการควบคุมพารามิเตอร์ตามบริบท
- การควบคุมด้วย Wi-Fi และ Bluetooth®: สำหรับการแก้ไขและควบคุมแบบไร้สาย
- USB-C, USB-A, และหน่วยความจำ microSD ขนาด 32GB แบบถอดได้
- แหล่งจ่ายไฟภายในที่แข็งแกร่ง (IEC)
ซอฟต์แวร์และคุณสมบัติการแสดงผล
- ซอฟต์แวร์แก้ไข Helix Stadium ฟรี: สำหรับการปรับแต่งเสียงอย่างละเอียด
- ความเข้ากันได้ของพรีเซ็ต: พรีเซ็ต Helix/HX ที่มีอยู่สามารถโหลดลงในโปรเซสเซอร์ Helix Stadium ได้
- คลิปเสียงและข้อมูลพรีเซ็ต Audition
- เอนจินอัตโนมัติและการเล่น Showcase: คุณสมบัติอันทรงพลังสำหรับการควบคุมการแสดงสดทั้งหมด รวมถึงการเล่นแทร็กเสียงสูงสุดแปดแทร็กและการควบคุมแสงอัตโนมัติ
- พอร์ต Nexus™: สำหรับหน่วย Expand D10 เสริมและอุปกรณ์ต่อพ่วงในอนาคต
Helix Stadium Floor (รุ่นขนาดกะทัดรัด)
Helix Stadium Floor คือโปรเซสเซอร์มัลติเอฟเฟกต์สำหรับกีตาร์ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อความคล่องตัวและประสิทธิภาพสูง มาพร้อมคุณสมบัติหลักดังนี้:
- หน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง 8 นิ้ว: มอบการควบคุมที่ใช้งานง่ายและมองเห็นได้ชัดเจน
- ระบบ I/O ที่ปรับให้เหมาะสม:
- รองรับ 2 Effects Loops พร้อมช่วงไดนามิก 120+ dB
- รองรับแป้นเหยียบ Expression ภายนอกสูงสุด 2 ตัว
- รองรับช่องควบคุมแอมป์ภายนอกสูงสุด 2 ช่อง
- รองรับอินพุต Drum Trigger สูงสุด 2 ช่อง
- ขนาดกะทัดรัด: ประมาณ 16 นิ้ว x 9.5 นิ้ว (กว้าง x ลึก) เหมาะสำหรับการพกพา
- น้ำหนักเบา: ประมาณ 7.5 ปอนด์
- โครงสร้างทนทาน: ตัวเครื่องด้านบนและด้านข้างทำจากอะลูมิเนียมหล่อ ส่วนฐานทำจากเหล็กพับเพื่อความแข็งแรง
หน่วยขยาย I/O ดิจิทัล Expand D10 (อุปกรณ์เสริม)
Expand D10 เป็นหน่วยขยายสัญญาณดิจิทัลที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับโปรเซสเซอร์ Helix Stadium อย่างมาก:
- การเชื่อมต่อที่หลากหลาย:
- Variax® Digital Interface (VDI) สำหรับกีตาร์ Variax Modeling
- L6 LINK™ สำหรับระบบลำโพงกีตาร์แอคทีฟ Powercab® 112+/212+
- AES/EBU
- การเชื่อมต่อออปติคอล 8 แชนเนล (TOSLINK) สำหรับใช้งานร่วมกับออดิโออินเทอร์เฟซ, ดิจิทัลมิกเซอร์ ฯลฯ
ความสามารถทั่วไป
โปรเซสเซอร์ในตระกูล Helix Stadium ทุกรุ่นสืบทอดและพัฒนาคุณสมบัติหลักมาจากโมเดล Helix รุ่นก่อนหน้า ดังนี้:
- Dual-DSP HX Modeling Engine: ให้พลังประมวลผลสูงเพื่อเสียงแอมป์และเอฟเฟกต์ที่สมจริงและตอบสนองได้อย่างแม่นยำ
- โมเดลแอมป์, คาบิเน็ต, และเอฟเฟกต์ที่ครอบคลุม: Line 6 มีโมเดลให้เลือกใช้จำนวนมาก และมีการเพิ่มใหม่ผ่านการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างต่อเนื่อง
- รองรับ Impulse Response (IR): สามารถโหลด IR ของบุคคลที่สามเพื่อการปรับแต่งเสียงคาบิเน็ตและไมโครโฟนได้ไม่จำกัด
- สี่เส้นทางสัญญาณสเตอริโอ: ช่วยให้สามารถสร้างเชนสัญญาณที่ซับซ้อนและประมวลผลเครื่องดนตรีหลายชิ้นพร้อมกัน
- Snapshots: สร้างรูปแบบเสียงที่แตกต่างกันได้หลายแบบภายในพรีเซ็ตเดียว เพื่อการเปลี่ยนผ่านเสียงที่ราบรื่นระหว่างการแสดง
- Command Center: ทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมหลักสำหรับ Rig ทั้งหมดของคุณ โดยสามารถส่งคำสั่ง MIDI และควบคุมการสลับแอมป์ภายนอกได้อย่างแม่นยำ
- สวิตช์เท้าแบบ Capacitive-Touch: เพื่อการแก้ไขและควบคุมโดยตรงบนตัวเครื่องที่ใช้งานง่ายและรวดเร็ว
- ซอฟต์แวร์ HX Edit: สำหรับการแก้ไขและปรับแต่งเสียงอย่างละเอียดบนคอมพิวเตอร์
- ปลั๊กอิน HX Native: สำหรับการผสานรวมเข้ากับงานสตูดิโอ (ผู้ใช้งาน Helix/HX ที่ลงทะเบียนมักได้รับส่วนลด)
- โครงสร้างระดับทัวร์: สร้างขึ้นด้วยวัสดุคุณภาพสูงและทนทาน เพื่อรองรับการใช้งานหนักในการแสดงสด