LINE


ประเภทของเบส Passive / Active แตกต่างกันอย่างไร

ไปซื้อ ประเภทของเบส Passive / Active แตกต่างกันอย่างไรที่สาขา

 มือเบสหลายคนน่าจะเคยเจอคำถามที่ว่า เบสที่ใช้อยู่เป็นแบบไหน passive หรือ active ซึ่งมือใหม่หลายคนอาจจะงงว่ามันคืออะไรแล้วแบบไหนจึงจะดี หรือ ผู้ที่กำลังเริ่มต้นเล่นเบสอาจจะต้องการคำตอบว่าควรเลือกซื้อเบสแบบไหน วันนี้ทาง MusicArms ก็จะมาอธิบายลักษณะของเบสสองประเภทนี้ให้ฟังคร่าวๆ เพื่อเป็นเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆของเพื่อน ก่อนที่จะไปเลือกซื้อเบสไฟฟ้ากันนะจ๊ะ

เบส ระบบ Passive และ Active จริงๆแล้วคือระบบการจ่ายไฟให้กับตัวปิ๊กอัพนั่นเอง ระบบ Passive นั้นไม่จำเป็นต้องใช้ไฟในการเลี้ยงวงจร ส่วนระบบแบบ Active จำเป็นต้องการไฟที่จะเลี้ยงวงจร ระบบทั้ง 2 แบบ มีข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งแบบ มาดูกันว่าแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ

Bass Passive vs Active

เบสแบบ Passive
เบสที่มีปิ๊กอัพแบบ Passive อย่างที่ได้กล่าวไปนั้นว่าเป็นระบบที่ไม่ต้องการไฟเลี้ยงวงจร เพราะฉนั้นข้อดีข้อแรกเลยคือไม่ต้องใส่ถ่าน เราสามารถที่จะเสียบตู้แอมป์แล้วเล่นได้ทันที จุดเด่นของระบบ Passive คือจะให้เสียงที่ออกมาจากตัวเบส 100 % ไม่ว่าจะเป็นจาก Body, Neck หรือ PU ซึ่งต่างจากระบบ Active ที่ส่วนใหญ่ เสียงจะมาจาก PU หรือภาค Pre ของเบส ทำให้คาเลคเตอร์ของเบสตัวนั้นๆ จะค่อนข้างชัดเจน ส่วนข้อเสียนั้น ในระบบแบบ Passive การปรับแต่งเสียงจะปรับไม่ได้กว้างมากนัก และจะมี Output ที่จะเบากว่า ระบบแบบ Active

Bass Passive

เบสแบบ Active 

เบสแบบระบบ Active จะตรงกันข้ามกับระบบ Passive ที่ต้องการไฟไปใช้ในการเลี้ยงวงจร จึงจำเป็นต้องมีช่องสำหรับใส่ถ่าน 9V ( บางรุ่นต้องใส่ 2 ก้อน ) และนี่คือข้อเสียข้อแรกของเบสแบบ Active เพราะถ้าหากไม่ใส่ถ่านหรือถ่านหมด จะไม่สามารถใช้งานได้ ลองคิดดูว่าหากกำลังเล่นอยู่บนเวที แล้วถ่านดันหมดกลางคันขึ้นมาคงจะวุ่นวายน่าดู แต่ถ้าจะให้พูดถึงข้อดีนั้น เบสแบบ Active ก็มีข้อดีมากมาย คือ ความหลากหลายในการปรับแต่งเสียง เรียกได้ว่าสามารถเล่นได้ทุกแนวเพลงเลยทีเดียว 

Bass Active

โดยระบบ Active นั้นจะมี 2 แบบคือ Active ที่ภาค Pre และ Active ที่ PU ทั้ง 2 แบบจะได้ข้อดีที่ต่างกัน โดยเบสที่มี Active ที่ ภาค Pre นั้นจะมีข้อดีคือไม่เลือกแอมป์ เพราะไม่ว่าจะเจอแอมป์ประเภทไหน เราสามารถปรับ EQ จากตัว Pre ของเบส เพื่อให้ได้เสียงที่เราต้องการได้ ส่วนเบสที่ Active ที่ PU จะได้ Output ที่แรง ดุดัน และเสียงที่ชัดเจน เรียกได้ว่าไม่ต้องกลัวเสียงจมกันเลยทีเดียว

Bass Active Passive

สรุป

ทั้งเบสแบบ Passive หรือ Active มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับที่เราต้องการคาเลคเตอร์ของเบสแบบไหนไปใช้งาน อยากได้กว้างๆ เสียงดุๆ เลือก Active อยากได้ความ Vintage เลือก Passive ได้เลยครับผม
×