10 เรื่องน่ารู้ก่อนไปดูคอนเสิร์ต Dream Theater

สิ้นสุดการรอคอยในรอบ 5 ปีของแฟนชาวไทย กับวง Dream Theater วงโปรเกรสซีฟเมทัลจากสหรัฐอเมริกา หนึ่งในวงดนตรีที่ดีที่สุดในโลก เตรียมกลับมาเปิดคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 25 ปี ของอัลบั้มยอดนิยมตลอดกาลของพวกเขาอย่าง Images & Words ให้แฟนๆ ชาวไทยได้มันส์อีกครั้ง
ในงาน “DREAM THEATER Images, Words & Beyond 25th Anniversary Tour Live in Bangkok” วันพุธที่ 27 กันยายน 2560 เวลา 20.00 น. ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี วันนี้ Musicarms ก็จะขอพาไปรู้จักกับวงร็อคระดับตำนานเป็นการเรียกน้ำย่อยกันก่อนกับ 10 เรื่องน่ารู้ของพวกเขาเช่นเคย

ชื่อวงเดิมของพวกเขาคือ Majesty
Dream Theater ฟอร์มวงกันตั้งแต่ปี 1985 จากสมาชิก 3 คนคือ John Petrucci (จอห์น เปตรุซซี่)(กีต้าร์), John Myung (จอห์น เมียง) (เบส), และ Mike Portnoy (ไมค์ พอร์ตนอย) (กลอง) โดยใช้ชื่อในขณะนั้นว่า Majesty ทีแรกทางวงจะใช้ชื่อนี้ในการเปิดตัวงานอย่างเป็นทางการ แต่ดันไปซ้ำกับวงดนตรีจากลาสเวกัสจนถึงขั้นเกือบโดนฟ้องร้อง ไมค์ พอร์ตนอยจึงเสนอให้เปลี่ยนชื่อวงเป็น Dream Theater ซึ่งมาจากชื่อโรงละครในแคลิฟอร์เนีย โดยสมาชิกทุกคนต่างเห็นด้วย

สมาชิกแทบทุกคนมาจากโรงเรียนดนตรี Berklee College of Music (เบิร์กลี่ คอลเลจ)
3 สมาชิกในยุคก่อตั้งอย่าง John Petrucci (จอห์น เปตรุซซี่)(กีต้าร์), John Myung (จอห์น เมียง) (เบส), และ Mike Portnoy (ไมค์ พอร์ตนอย) (กลอง) รู้จักกันจากการเรียนดนตรีที่สถาบัน Berklee College of Music ในเมืองบอสตัน แม้แต่สมาชิกที่เข้ามาภายหลังอย่าง Derek Sherinian (ดีเร็ค เชอร์รีเนี่ยน) มือคีย์บอร์ดคนที่ 2 ของวงและ Mike Mangini (ไมค์ แมนจินี่) ก็มาจากโรงเรียนดนตรีนี้ทั้งหมด โดยเฉพาะ ไมค์ แมนจินี่ นั้นมีดีกรีเป็นถึงอาจารย์ผู้สอนของสถาบันอีกด้วย

แรงบันดาลใจของพวกเขาคือวง Rush
หลังจากที่ 3 สมาชิกยุคแรกรวมตัวกัน พวกเขาก็เริ่มฟอร์มวงซ้อมกันทันที โดยเล่นพลงสไตล์เมทัลของวง Rush และ Iron Maiden เป็นส่วนใหญ่ ช่วงแรกที่พวกเขาตระเวนเล่นตามไลฟ์เฮ้าส์ต่างๆก็จะหยิบเพลงของวง Rush มาเล่นแทบทั้งสิ้น แม้แต่ชื่อวง Majesty ที่พวกเขาตั้งขึ้นตอนแรกก็ยังมาจากเนื้อเพลง Bastille Day (บาสทิลล์ เดย์) ของวง Rush อีกเช่นกัน ขณะที่ทางวงตกลงว่าจะใช้ชื่อ Majesty ก็เป็นตอนที่พวกเขายืนต่อแถวซื้อตั๋วคอนเสิร์ตวง Rush แสดงให้เห็นว่า Dream Theater คลั่งไคล้ไอดอลวงนี้มากแค่ไหน

หลายบทเพลงของ Dream Theater มีรากฐานมาจากดนตรีคลาสสิค
แม้ว่าจะเป็นวงโปรเกรสซีฟร็อคและเมทัล แต่ด้วยความที่สมาชิกของวงเรียนดนตรีมาจาก Berklee College of Music ซึ่งดนตรีคลาสสิคจะเป็นบทเรียนพื้นฐานของนักดนตรีทุกคน ทำให้ Dream Theater นำเอามาใช้ในงานเพลงของพวกเขาทั้งโน๊ตดนตรี หรือชื่อเพลง Overter 1928 (โอเวอร์เชอร์) ที่แปลว่าโหมโรงก็ได้ไอเดียมาจากดนตรีคล่าสสิค รวมไปถึงการแบ่งอัลบั้มเป็นองก์ 1, องก์ 2 ในอัลบั้ม The Astonishing (ดิ แอสตันนิชชิ่ง) ก็ได้แรงบันดาลใจมาจากดนตรีคลาสสิคคล้ายกับวง Queen, ในอัลบั้มนี้ยังใช้ดนตรีออเคสตรามาเสริมเป็นการตอกย้ำแนวคิดการใส่ดนตรีคลาสสิคลงในเพลงเมทัลอย่างเด่นชัด

พวกเขาไม่เคยขึ้นอันดับ 1 ในบิลบอร์ดชาร์ต
แม้ว่า Dream Theater จะสามารถครองใจคนทั่วโลก สามารถขึ้นชาร์ตเพลงอันดับ 1 ในหลายๆประเทศ แต่กับบิลบอร์ตชาร์ตในอเมริกา พวกเขาทำได้สูงที่สุดคืออันดับ 7 ในอัลบั้ม Dream Theater เท่านั้น อย่างไรก็ตามเป็นเพราะแนวเพลงที่มีคนฟังเฉพาะกลุ่ม รวมถึงการยึดมั่นในตัวตนของวงที่จะใส่ฝีมือลงไปในงานเพลงมากที่สุดไม่ทำเพลงตามตลาด เช่น อัลบั้ม Metropolis Pt. 2: Scenes from a Memory (เมโทรโปลิส พาร์ท ทู ซีน อะ เมโมรี่) ที่นักวิจารณ์ยกให้เป็นอัลบั้มขึ้นหิ้งน่าฟังของชาวโปรเกรสซีฟเมทัล ติดชาร์ตที่อันดับ 73 ในบิลบอร์ดเท่านั้น เรียกว่าเป็นอัลบั้มที่อันดับในชาร์ตต่ำที่สุดของพวกเขาด้วยซ้ำ

Mike Portnoy ลาออกไปอยู่วง Avenged Sevenfold
วันที่ 8 กันยายน ปี 2010 สิ่งหนึ่งที่ช็อคคนทั่วทั้งโลก คือการประกาศลาออกจากตำแหน่งมือกลองของ Mike Portnoy จาก วง Dream Theater โดย Mike ให้เหตุผลว่าเขาต้องการจะพักงานชั่วคราว แต่ทางวงต้องการทำอัลบั้มใหม่ทันที จึงเกิดเป็นความขัดแย้งกันทำให้ Dream Theater ต้องออดิชั่นหามือกลองคนใหม่ แต่ภายหลังจากประกาศพักไม่นาน Mike ก็ไปเป็นมือกลองให้กับวง Avenged Sevenfold สร้างความงุนงงให้กับแฟนเพลงอย่างมาก แม้ว่าล่าสุด Mike จะแยกทางกับวง Avenged Sevenfold แล้ว แต่แฟนเพลงที่อยากเห็น Mike กลับมาร่วมวงคงต้องผิดหวังเพราะ Dream Theater ประกาศว่ายังไม่มีความคิดจะเปลี่ยนมือกลอง

วง Nightmare Cinema เป็นงานโปรเจ็กต์ Cover ของ Dream Theater
หลายคนอาจต้องแปลกใจกับงานเพลงของวง Nightmare Cinema ที่ออกมาในปี 1997 โดยมีชื่อสมาชิกแปลกๆอย่าง Abdul Matahari (อับดุล มาตาฮารี่) หรือ Nicky Lemons (นิกกี้ เลมอนส์) ที่คัฟเวอร์เพลงวงดังๆอย่าง Deep Purple หรือ Black Sabbath ได้อย่างลงตัวเหลือเชื่อ แท้จริงแล้ววง Nightmare Cinema ก็คือ Dream Theater ที่ทำโปรเจ็กต์ Cover เพลงวงดังต่างๆโดยเปลี่ยนชื่อมากวนๆเท่านั้น นอกจากนี้ยังพิเศษที่สมาชิกแต่ละคนสลับหน้าที่กันเล่น เช่น จอห์น เปตรุซซี่ ไปตีกลอง, ไมค์ พอร์ตนอย ไปเล่นเบส และ จอห์น เมียง ไปเล่นคีย์บอร์ด แน่นอนว่าในอัลบั้มนี้ต้องมีเพลงของวง Rush วงโปรดพวกเขาอยู่ด้วย

ญี่ปุ่นเป็นประเทศแรกในเอเชียที่มีคอนเสิร์ต Dream Theater
การมาเยือนประเทศไทยครั้งนี้ของ Dream Theater ถือเป็นครั้งที่ง 3 ต่อจากคอนเสิร์ต Octavarium Tour (ออคตาวาเรี่ยม ทัวร์) ปี 2006 และ Dream Theater Live in Bangkok ปี 2012 แต่หากนับประเทศในเอเชียแล้ว ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่วงมาจัดคอนเสิร์ตมากที่สุดถึง 13 ครั้ง และยังเป็นประเทศในเอเชียประเทศแรกที่ได้ชมคอนเสิร์ตวงโปรเกรสซีพเมทัลระดับโลกวงนี้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ปี 1992 ที่เมืองคานากาวะ เนื่องจากยอดขายของ Dream Theater ในญี่ปุ่นสูงมากรวมไปถึงเพลงติดชาร์ตแทบทุกอัลบั้ม ทำให้ถ้าหากมีการจัดคอนเสิร์ตในเอเชีย พวกเขาจะไม่พลาดการไปเยือนญี่ปุ่นแน่นอน

Dream Theater ไม่สูบบุหรี่และดื่มเหล้า
โดยทั่วไปภาพลักษณ์ของวงร็อคจะมีความ ดิบ และ ก้าวร้าว หลายๆวงมีข่าวเกี่ยวกับยาเสพติด แต่กับวง Dream Theater นั้นพวกเขามีระเบียบวินัยในเรื่องนี้สูงมาก เมื่อปี 2012 ที่มาเยือนเมืองไทยนั้น ทางผู้จัดเผยว่าพวกเขาจองห้องโรงแรมโดยระบุเลยว่า Non Smoking Room และยังตั้งกฏเหล็กว่าหลังเวทีจะต้องไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมทางวงจึงไม่มีข่าวฉาวเกี่ยวกับเรื่องสุราและยาเสพติดแม้แต่เรื่องเดียว

James Labrie นักร้องนำดรีมเธียร์เตอร์เป็นไอดอลของ ตูน บอดี้สแลม
Dream Theater ถือเป็นวงไอดอลของนักดนตรีหลายคน ซึ่ง ตูน บอดี้แสลมก็เป็นหนึ่งในนั้น เจ้าตัวถึงขั้นซื้อตั๋ว VIP Package tour ที่จะได้รับสิทธิ์ในการถ่ายรูปและขอลายเซ็นในคอนเสิร์ตต่างประเทศ โดยตูนโพสรูปลงในอินสตราแกรมและเผยว่าเสียงของ James Labrie ในอัลบั้ม “Images and Words” ที่เริ่มฟังตั้งแต่ชั้น ม.4 เป็นแรงบันดาลใจและจุดเริ่มต้นให้เขาก้าวมาสู่วงการดนตรี และตูนยังนำเพลงของวง Dream Theater ไปประกวดดนตรีในระดับมหาวิทยาลัยที่สยามสแควร์จนได้รางวัลรองชนะเลิศอีกเช่นกัน