LINE


RODE NT1 Gen5 ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ สตูดิโอ 32-Bit ตัวแรกของโลก

ไปซื้อ RODE NT1 Gen5 ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ สตูดิโอ 32-Bit ตัวแรกของโลกที่สาขา

หากให้พูดถึงไมโครโฟนแบรนด์ Rode จากประเทศออสเตรเลียคนที่ทำงานด้านเสียงหลาย ๆ คนคงยก Rode Nt-1 มาพูดถึงคุณภาพของมันอย่างแน่นอนเนื่องจาก Rode NT1 นั้นมีการผลิตขึ้นมาครั้งแรกตั้งแต่ปี 1991 หรือ พศ.2534 นั่นเองโดยเดิมที Rose NT1 นั้นทำจากวัสดุที่เป็นเหล็กสีขาวจนยกเลิกการผลิตไป Rode เลยพัฒนา NT-1 A ออกมาที่เป็นรุ่นที่ใหม่กว่า แต่ด้วยคุณภาพทางด้านเสียงของ NT-1 ที่ดีนั้นทำให้นักดนตรี โปรดิวเซอร์หลายท่านได้พูดคุยเกี่ยวกับกราฟ Frequrncy respone ของ NT1 เทียบกับ NT1-A และมีความเชื่อว่า กราฟของ NT1 นั้น มีความแฟลต (Flat) กว่า NT1-A ทำให้ทาง Rode นั้นต้องกลับมาผลิต NT-1 ใหม่อีกครั้งเป็นโลหะอลูมีเนียมสีดำที่เราเห้นในปัจจุบันนั่นเอง จากนั้น Rode ก็ผลิต NT ออกไปหลากหลายรุ่นจนมาถึง Rode NT1 5th Generation เอาละครับวันนี้ Music Arms จะพาไปดูเกี่ยวกับคุณสมบัติของ Rode NT1 Gen56 กันครับว่ามีอะไรผลิตเศษไปจากเดิมบ้าง

1.ไมโครโฟน 32-bit Float Digital ตัวแรกของโลก

ทาง Rode นั้นได้เขียนไว้ในคุณสมบัติเลยว่า Rode NT1 5th Generation ไมโครโฟนคอนเดนเซอร์ ดิจิทัล Digital 32- bit float ตัวแรกของโลก (World-first 32-bit Float digital output)

*แตกต่างจาก 24-bit อย่างไรคือ Dynamic rage มากกว่า 24-bit รองรับความดังได้มากกว่า อันนี้เป็นประโยชน์ของ 32-bit float นั่นเอง แต่การอัดเสียงในรูปแบบ 32-bit นั้นโปรแกรมของเราต้องซัพพอร์ตด้วยนั่นเอง (ท่านสามารถดูได้จากในนี้ว่า 32-bit ของ Rode NT1 Gen5  นั้นซัพพอร์ตโปรแกรมใดบ้าง https://rode.com/en/user-guides/nt1-5th-generation)

2.การเชื่อมต่อที่พลิกเกม

ด้วยความสามารถของพิเศษของ Rode NT1 5th Generation ที่ล้ำสมัยมีเอ้าต์พุต Output แบบ Dual Connect (อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร) ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเตอร์เฟสเสียงหรือมิกซ์เซอร์ผ่านการเชื่อมต่อแบบ XLR หรือจะเป็นการเชื่อมต่อแบบ USB เข้าคอมพิวเตอร์หรือแลปท๊อปของคุณโดยตรงที่เรียกว่า Plug and Play ระดับสตูดิโอ เป็นความยืดหยุ่นที่ไม่เคยมีมาก่อนนั่นเอง

3.On-Board DSP  

ความล้ำสมัยแห่งอนาคตที่ต้องพูดถึงใน Rode NT1 Gen5 นั่นก็คือมี DSP อยู่ด้านในไมโครโฟนนั่นเอง ที่สร้างเสียงด้วยการประมวลผลขั้นสูงของคุณด้วย APHEX® หากใช้การเชื่อมต่อ USB เข้าคอมพิวเตอร์ของคุณ ผ่านการใช้งานโปรแกรม Rode Central Rode Connect จาก Rode ฟรีครับ

4.Noise ต่ำล้ำสมัย

Rode NT1 5th Generation มีลักษณะทีให้ความนุ่มนวลชวนหลงไหลของเสียง ที่มาพร้อมกับค่า Equivalent Noise หรือเรียกให้เข้าใจอย่างง่าย ๆ คือ “เสียงซ่า” จากตัวไมโครโฟนนั่นเอง ซึ่งอยู่ที่ 4dB(A) เป็นค่าที่ต่ำมากหากนำไปเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้อย่าง Rode NT1 ซึ่งอยู่ที่ 4.5dB(A) หรือ NT1-A ซึ่งอยู่ที่ 5dB(A) ครับ

5.ความอเนกประสงค์ที่ไม่เหมือนใคร

ด้วยความสมูทของการตอบสนองความถี่ Frequency respone, เสียงนอยส์ Equivalent Noise ที่ต่ำมาก พร้อมการจัดการความดัง SPL ที่สูง และความสามารถที่สูงทางด้านดิจิทัล Digital ของ Rode NT1 5th Generation ที่มีความสามารถรอบด้านที่ไม่เหมือนในไมค์สตูดิโออื่น ๆ ทำให้การบันทึกเสียง อัดเสียงใด ๆ ก็ตามตั้งแต่เสียงร้อง เสียงพูด ไปจนถึงเสียงของเครื่องดนตรี งานสตูดิโอหรืองานโฮมสตูก็ Workflow ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับ Rode NT1 5th Generation นี้มีความพิเศษเฉพาะตัวมาก ๆ ครับทั้งเรื่องของการเชื่อมต่อที่สามารถใช้งานได้กับอินเตอร์เฟสและ USB ที่ต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์โดยตรงพร้อมทั้งความสามารถ DSP ที่อยู่ในตัวเป็นไมโครโฟนคอนเดนเซอร์สตูดิโอในงบ 1x,xxx บาทที่คุ้มค่ามาก ๆ ครับ สำหรับผู้อ่านท่านใดต้องการดูไมโครโฟนคอนเดนเซอร์อื่น ๆ คลิ๊กที่นี่ เพื่อดูรายการสินค้าเพิ่มเติมได้จากทาง Music Arms ได้เลยครับ

 

Rode NT1 Gen5

ราคา : 10,160 บาท
12,700 บาท
ประหยัด20%
Rode NT1 5th Generation Silver
ข้อมูล : 

Rode NT1 5th Generation เป็นไมโครโฟนสตูดิโอคอนเดนเซอร์รุ่นที่ 5 ปฏิวัติวงการที่หลอมรวมเอกลักษณ์เสียงแบบคลาสสิกของ NT1 ที่เป็นสัญลักษณ์เข้ากับเทคโนโลยีล้ำยุคแห่งอนาคต มีเอาต์พุต Dual Connect ที่ล้ำสมัยของ RØDE (อยู่ระหว่างการจดสิทธิบัตร) ซึ่งนำเสนอการเชื่อมต่อทั้ง XLR และ USB เพื่อความคล่องตัวที่เหลือเชื่อ เอาต์พุตดิจิทัลแบบโฟลต 32 บิต การประมวลผลสัญญาณดิจิทัลขั้นสูง และอื่นๆ อีกมากมาย ในขณะที่ให้สัญญาณแบบเดียวกัน ลักษณะที่อบอุ่น นุ่มนวล เสียงเบามาก และการจัดการ SPL สูงที่ NT1 มีชื่อเสียง NT1 รุ่นที่ 5 เป็นอุปกรณ์สำหรับสตูดิโออย่างแท้จริงที่มีความสามารถเหนือชั้นในทุกด้านตั้งแต่เสียงร้องและเสียงพูด ไปจนถึงกีตาร์ เปียโน กลองและเพอร์คัสชั่น – สุดยอดไมโครโฟนสำหรับสตูดิโอ

สเปค : 
  • หลักการทางเสียงไล่ระดับความดัน
  • ตัวแปลงอิมพีแดนซ์ JFET พร้อมบัฟเฟอร์เอาต์พุตไบโพลาร์
  • แคปซูล 1 นิ้ว
  • รูปแบบการรับเสียงคาร์ดิออยด์
  • รับเสียงจากด้านข้าง
  • ช่วงความถี่ 20Hz – 20kHz
  • อิมพีแดนซ์เอาต์พุต 100โอห์ม
  • SPL สูงสุด 142 เดซิเบล
  • Equivalent Noise (A-weighted) 4dBA
  • ความไว -32 dB re 1 โวลต์/ปาสคาล (25 mV @ 94 dB SPL) +/- 2 dB @ 1 kHz
  • การเชื่อมต่อเอาต์พุตแบบอะนาล็อก XLR 3 พิน
  • ใช้พลังงานจาด USB: 5V
  • การเชื่อมต่อเอาต์พุตดิจิตอล USB-C
  • ความลึกของบิต 24 บิต / 32 บิต
  • อัตราการสุ่มตัวอย่าง (kHz) 48/96/192
  • การประมวลผลสัญญาณดิจิตอล APHEX (ใช้ได้เฉพาะที่ 48kHz / 24-บิต)
  • ข้อกำหนดระบบปฏิบัติการขั้นต่ำ Windows 10 Mac OS 10.15
  • น้ำหนัก 308 กรัม
  • ขนาด 52 x 52 x 189 มม.


×